รีวิว GoDaddy Hosting 2025: แบบไม่อวยจากนักพัฒนา

บริการโฮสติ้งจากบริษัทโดเมนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก

หากคุณใช้งานอินเตอร์เน็ตมาเป็นเวลานานพอสมควร คุณคงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ GoDaddy พวกเขาเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในการจดทะเบียนชื่อโดเมน แต่ตอนนี้ GoDaddy ไม่ได้เป็นเพียงผู้รับจดทะเบียนโดเมนเท่านั้น แต่พวกเขายังให้บริการทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์อีกด้วย

แล้วตัวเลือกการโฮสต์ล่ะ แชร์โฮสติ้งธรรมดา, โฮสติ้งปลีก, แผนสำหรับ WordPress, โฮสติ้ง VPS และเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว

ด้วยประสบการณ์การให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์กว่า 20 ปี คุณต้องคาดหวังให้ GoDaddy ให้บริการที่มีคุณภาพสูงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ฉันต้องการดูว่ามันจริงหรือไม่ ดังนั้นฉันจึงทำการทดสอบเว็บไซต์บน GoDaddy สองครั้งเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อดูว่ามันทำงานได้ดีเพียงใด ฉันทำสิ่งนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเปรียบเทียบเว็บโฮสติ้งของ Website Planet ซึ่งเราได้ทดสอบบริการเว็บโฮสติ้งที่มีชื่อเสียงทั้งหมด

ถ้าคุณไม่ต้องการจ่ายค่าบริการโฮสติ้ง WordPress ของ GoDaddy และกำลังมองหาโซลูชั่นโฮสติ้งราคาถูกที่เชื่อถือได้ เราขอแนะนำให้ดูข้อเสนอล่าสุดของ Hostinger บริการนี้ได้รับคะแนนประสิทธิภาพดีที่สุดในการทดสอบของเรา และไม่มีบริการไหนที่เทียบได้ในด้านราคา

GoDaddy ดูเหมือนจะดี แต่ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกเยอะ

ว่ากันตรง ๆ เลยก็คือเป้าหมายหลักของ GoDaddy คือการขายโดเมน แต่ยังมีบริการอื่นที่ถูกกว่านี้อีก Hostinger นำเสนอบริการจดทะเบียนโดเมนที่ถูกกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การขายโดเมนถือเป็นหัวใจหลักของ GoDaddy และบริการอื่น ๆ อย่างการโฮสติ้ง ดูเหมือนจะเป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น

จากประสบการณ์ส่วนตัว แผนบริการโฮสติ้ง WordPress มีฟีเจอร์มากกว่าแผนแชร์โฮสติ้งอย่างชัดเจน ดังนั้นเราจึงทดสอบใช้งานทั้งสองแผนบริการเพื่อเปรียบเทียบคุณภาพ GoDaddy ใช้เซิร์ฟเวอร์ Apache รุ่นเก่าสำหรับบริการแชร์โฮสติ้ง ซึ่งหมายความว่าอาจมีความเร็วไม่มากเท่าไหร่ แต่คุณจะได้ SSD storage กับแผน WordPress ซึ่งก็ถือว่าเป็นข้อดี

เมื่อพูดถึงฟีเจอร์ที่นำเสนอ ฟีเจอร์ส่วนใหญ่ที่ GoDaddy นำเสนอถือว่าเป็นมาตรฐานทั่วไปของผู้ให้บริการโฮสติ้ง อย่างไรก็ตาม เราได้ลงรายละเอียดไว้บางส่วนที่นี่เพื่อให้คุณได้เห็นว่า GoDaddy มีนำเสนออะไรบ้างในหัวข้อ “ฟีเจอร์”

SSL Certificate ฟรี

ขอบอกก่อนเลยว่า: SSL ไม่ใช่ตัวเลือกเสริม แต่มันคือสิ่งที่คุณ ต้องมี มันคือเทคโนโลยีที่เข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดระหว่างเว็บไซต์ของคุณและผู้ใช้ เพื่อการปกป้องข้อมูล นอกจากนี้เครื่องมือค้นหาต่าง ๆ ก็ชอบเว็บไซต์ที่ปลอดภัยด้วย

ก่อนหน้านี้ GoDaddy ไม่ได้นำเสนอ SSL Certificate ฟรีในแผนแชร์โฮสติ้งมาตรฐาน โชคดีที่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะคุณจะได้รับ SSL ฟรี 1 ปีในแผนโฮสติ้งแชร์ราคาถูกที่สุด (แผนอื่น ๆ มี SSL ไม่จำกัด)

GoDaddy ยังนำเสนอ SSL Certificate ฟรีในแผน WordPress ทุกแผนเป็นระยะเวลาตลอดอายุของแผนโฮสติ้ง ไม่ใช่แค่ปีแรกเหมือนบางโฮสต์ ถือว่า GoDaddy มาถูกทางแล้ว

การสำรองข้อมูลในแผนแชร์โฮสติ้งและ WordPress

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกี่ยวกับฟีเจอร์ของ GoDaddy คือตอนนี้แผนแชร์โฮสติ้งรวมการสำรองข้อมูลรายวันอัตโนมัติเอาไว้ด้วย (ซึ่งก่อนหน้านี้มีแค่บางแผนของ WordPress เท่านั้น) คุณสามารถตั้งเวลาสำรองข้อมูล ทำสำรองข้อมูลทันที หรือดาวน์โหลด/กู้คืนเว็บไซต์จากการสำรองข้อมูลได้ในเพียงไม่กี่คลิก แต่ข้อเสียคือแผน Managed WordPress Basic จำกัดให้สำรองข้อมูลได้แค่รายสัปดาห์เท่านั้น

มีการสแกนมัลแวร์อัตโนมัติ

แม้แต่แผนโฮสติ้ง WordPress ที่ถูกที่สุดของ GoDaddy ก็รวมการสแกนมัลแวร์อัตโนมัติฟรีเอาไว้ด้วย ถ้าคุณเลือกแผน Ultimate หรือสูงกว่านั้น (ราคาแพงกว่า) คุณจะได้รับเครื่องมือลบมัลแวร์และการซ่อมแซมความเสียหายจากการแฮกแบบไม่จำกัด รวมถึงเครื่องมือสแกนมัลแวร์มาตราฐานด้วย นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องจ่ายเพิ่มในแผนแชร์โฮสติ้งมาตรฐานของ GoDaddy (ซึ่งแผน WordPress ก็ไม่ได้แพงกว่ามากสักเท่าไหร่)

เครื่องมือฟรีอื่น ๆ

อย่างแรกคือเครื่องมือ SEO และ Staging ซึ่งคุณต้องเลือกแผน Deluxe หรือแผนที่สูงกว่านี้เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์นี้ (สำหรับทดสอบการเปลี่ยนแปลงเว็บไซต์โดยไม่กระทบต่อเว็บจริง) แต่ส่วนต่างของราคานั้นไม่มากนัก

อย่างที่สอง ถ้าคุณเลือกแผน E-commerce ซึ่งมี WooCommerce มาให้ใน WordPress คุณจะได้เข้าถึง WooCommerce extensions พรีเมียม ที่ช่วยเพิ่มผลกำไรให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณ (และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับส่วนเสริมนี้)

GoDaddy ยังรวมระบบชำระเงิน WooCommerce ของตัวเอง (GoDaddy Payments) ซึ่งจะถูกเปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อคุณติดตั้ง WordPress บริการนี้รวมอยู่ในทุกแผนโฮสติ้ง แม้แต่ในแผนแชร์โฮสติ้งราคาถูกที่สุด แต่สามารถใช้ได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้น ปลั๊กอิน Poynt ช่วยให้คุณรับบัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้หลากหลาย – และได้รับเงินในวันทำการถัดไป!

แชร์โฮสติ้งใช้งานได้ไม่ง่ายเท่าไหร่ แต่โฮสติ้ง WordPress ถือว่าใช้ได้ดี

หน้าแรกของ GoDaddy อาจทำให้คุณงงได้ มันมีดีไซน์ที่สวยงาม โลโก้ทันสมัยและคุณอาจคิดว่านี่เป็นบริการที่ทันสมัยและได้รับการคิดมาเป็นอย่างดี มันไม่ใช่แบบนั้นเลย

การสร้างบัญชีใหม่กับ GoDaddy

ยากมาก ๆ ฉันพยายามพูดคุยกับฝ่ายสนับสนุน ฉันพยายามแล้ว แต่สุดท้ายฉันกลับมาเลือก “เว็บโฮสติ้ง” เพราะฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องเลือกโฮสติ้งประเภทอื่น

มี “โฮสติ้งสำหรับธุรกิจ” ซึ่งฉันคิดว่ามันจะมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่มันไม่มีการสำรองข้อมูล มันมีโฮสติ้ง WordPress แต่บริการแชร์โฮสติ้งพื้นฐานก็รองรับ WordPress สิ่งที่น่ารำคาญยิ่งกว่านั้นก็คือแผนบริการโฮสติ้ง WordPress แบบพิเศษนั้นมีทรัพยากรน้อยกว่า

การเชื่อมต่อโดเมนและติดตั้ง WordPress

อย่างไรก็ตาม อย่างที่ฉันได้กล่าวไปในก่อนหน้านี้ว่าฉันเลือกแผนเว็บโฮสติ้งและการสมัครใช้งานนั้นก็ทำได้ง่าย ฉันได้รับ A Record (ไม่ใช่ nameservers) สำหรับเชื่อมต่อโดเมนในทันที ตอนนั้นฉันจับภาพหน้าจอเอาไว้ แต่คิดว่าคงไม่สำคัญเพราะฉันเพิ่งได้รับข้อมูลนั้นอีกครั้งในภายหลัง

เพิ่มเติม “nameservers” นั้นเป็นวิธีง่าย ๆ ในการเชื่อมต่อชื่อโดเมน

อย่างไรก็ตามการเชื่อมต่อโดเมนนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง (ฉันไม่ได้จับภาพหน้าจอไว้) เนื่องจากฉันหา A Record ไม่เจอ พื้นที่ในบัญชีหลักแทบไม่มีข้อมูลโดยทั่วไปและแท็บส่วนใหญ่เต็มไปด้วยบริการที่มีให้ซื้อเพิ่มเติม ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในแผนของคุณ

กลับมาที่การเชื่อมต่อโดเมน ฉันไม่พบข้อมูลและการสนับสนุนที่สามารถช่วยฉันได้ พวกเขาให้ nameservers ที่ไม่ถูกต้องและโดเมนก็เชื่อมต่อไม่ได้ ฉันลงเอยด้วยการใช้ภาพหน้าจอและสุดท้ายก็สามารถเชื่อมต่อโดเมนของตัวเองได้ แต่มันเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างมาก หากคุณไม่มีประสบการณ์กับเว็บโฮสติ้งมาก่อน แน่นอนเลยว่าคุณจะไม่ต้องการที่จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้

แน่นอนว่าถ้าคุณเลือกซื้อโดเมนพร้อมกับบริการโฮสติ้ง (หรือเลือกแผนที่แถมโดเมนฟรี) โดเมนของคุณจะถูกตั้งค่าไว้แล้ว และคุณเพียงแค่ต้องเชื่อมต่อมันกับพื้นที่โฮสติ้งของคุณจากแดชบอร์ดบัญชี ซึ่งทำได้ง่ายทีเดียว แม้ว่าคุณจะซื้อโดเมนจาก GoDaddy ในภายหลังก็สามารถเชื่อมต่อได้ง่าย สิ่งนี้ทำให้เราคิดว่าบริการพยายามจูงใจให้คุณซื้อโดเมนใหม่จากบริการโดยตรง อย่างไรก็ตามในการทดสอบครั้งที่สองเราได้ซื้อโดยตรงและมันก็ทำได้ง่ายมาก

GoDaddy อาจจะเอาเงินของคุณมา แล้วพิจารณาว่าคุณเป็นพวกหลอกลวง

สามสัปดาห์ต่อมา GoDaddy ก็คิดว่าฉันเป็นบุคคลน่าสงสัยและจำเป็นต้องใช้ข้อมูลยืนยันข้อมูลของฉัน ระบบได้ตั้งค่าสถานะให้ฉันเป็นผู้ใช้ที่หลอกลวง

โฮสต์อื่น ๆ ทำเช่นนี้เช่นกัน แต่มันเกิดขึ้นทันทีหลังจากลงทะเบียน บัญชีของคุณจะไม่ได้รับการเปิดใช้งานจนกว่าคุณจะยืนยันด้วยบัตรประชาชน GoDaddy นึกขึ้นได้ว่าควรจะทำสิ่งนี้ในสามสัปดาห์ให้หลังจากที่ฉันได้ลงทะเบียนไปแล้ว ฉันไม่ได้เข้าไปตรวจสอบแผงควบคุมของฉันแล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่เห็นการแจ้งเตือน

และจากนั้นบริการก็ยกเลิกบัญชีของเรา

ฉันสูญเสียทุกอย่างที่ฉันได้ทำขึ้นมาและต้องลงชื่อสมัครใช้อีกครั้งและเริ่มต้นทุกอย่างใหม่

ในความคิดเห็นของฉัน ฉันคิดว่ามันเป็นบริการที่แย่มาก ฉันเสียเวลา ฉันเสียงานของฉันและถ้าฉันไม่ได้คิดว่าจะถ่ายภาพหน้าจอเอาไว้ ฉันจะไม่สามารถเชื่อมต่อชื่อโดเมนของฉันไปยังบัญชีโฮสติ้งของฉันได้

ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นเมื่อใช้โฮสติ้ง WordPress

การติดตั้ง WordPress ทำได้ง่ายมากและการใช้งานโฮสติ้ง WordPress ก็ทำได้ง่ายอย่างเหลือเชื่อ ง่ายขนาดที่แทบจะดูเหมือนดีเกินจริงด้วยซ้ำ! บริการมีตัวช่วยติดตั้ง (installation wizard) ที่จะนำทางพาคุณผ่านทุกขั้นตอน รวมถึงการเลือกธีม ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่อย่างมาก การติดตั้งใช้เวลาเพียงประมาณ 5 นาทีตั้งแต่ต้นจนจบ และถ้าคุณยังไม่มีโดเมน WordPress ของคุณจะถูกติดตั้งบนโดเมนชั่วคราว เพื่อให้คุณเริ่มใช้งานได้ในทันที

เรื่องราวของแพลนโฮสติ้งทั้งสองที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ทุกโฮสต์ที่ฉันทดสอบ ฉันตั้งค่าเว็บไซต์ทดสอบด้วยส่วนเสริมของ WordPress ตามปกติ ฉันต้องการให้ใกล้เคียงกับค่าประมาณของเว็บไซต์ที่ใช้งานได้ทั่วไปมากที่สุด ฉันยังถามฝ่ายสนับสนุนด้านเทคนิคเสมอว่าพวกเขาสามารถแนะนำ (หรือดำเนินการ) การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ใด ๆ ที่อาจช่วยเร่งความเร็วได้หรือไม่ เพื่อให้ผู้ให้บริการมีโอกาสได้สร้างความประทับใจแรกพบเราทดสอบใช้งานสองครั้ง – ครั้งแรกกับแผนแชร์โฮสติ้งมาตรฐานและอีกครั้งกับแผน WordPress เมื่อดูจากผลลัพธ์ คุณอาจคิดว่าเรากำลังทดสอบบริการโฮสต์ที่ต่างกัน!

ประสิทธิภาพของแผนแชร์โฮสติ้งมาตรฐานนั้นไม่น่าประทับใจเอาซะเลย!

ตัวแทนฝ่ายสนับสนุนของ GoDaddy แนะนำให้ติดตั้งปลั๊กอิน WP Smush ซึ่งบีบอัดรูปภาพใน WordPress โดยไม่ต้องเสียคุณภาพไปมากนัก มันเป็นคำแนะนำที่ดี แต่ก็เป็นเพียงคำแนะนำเดียว

ความเร็วเว็บมันแย่มากจริง ๆ

แผน WordPress Hosting ของ GoDaddy เร็วกว่า… แต่เชื่อถือได้ไม่มากเท่าไหร่!

เราคาดหวังกับประสิทธิภาพของแผน WordPress Hosting ของ GoDaddy ไว้มากเพราะบริการมีทั้ง SSD และได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับ WordPress แต่เมื่อทำการทดสอบหลาย ๆ ครั้ง ผลลัพธ์กลับไม่คงที่

ฉันจะพูดถึงรายละเอียดทางเทคนิคที่เหลืออยู่ แต่ถ้าคุณมีเวลาไม่มากพอ คุณสามารถข้ามไปที่ส่วนการสนับสนุนได้ทันที แต่ขอบอกก่อนว่าประสบการณ์ของฉันกับการสนับสนุนของ GoDaddy นั้นแย่ยิ่งกว่า

มันมีศูนย์ข้อมูลสามแห่งให้เลือก แต่ GoDaddy มีความลับเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของพวกเขามาก จนคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ไหนทำงานได้ดี คุณมีตัวเลือกให้เลือกระหว่าง “อเมริกาเหนือ” “ยุโรป” และ“ เอเชีย” โฮสต์อื่น ๆ ส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาไปกับการอธิบายตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของศูนย์ข้อมูล พร้อมรูปภาพและรายละเอียด

สำหรับการทดสอบ GTmetrix เป็นเครื่องมือที่ฉันเลือกใช้สำหรับการจับเวลาในการโหลดหน้าเว็บ และใช้ Sucuri เพื่อทดสอบเวลาในการโหลดเฉลี่ยทั่วโลกและ UptimeRobot จะตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าไซต์ของฉันยังคงใช้งานได้

ทำได้ดีมากเจ้าหุ่นยนต์

GTmetrix

แชร์โฮสติ้งมาตรฐาน

เวลาในการโหลดหน้าเว็บโดยสมบูรณ์เร็วที่สุดคือ 2.2 วินาที มันเกินค่าแนะนำสูงสุด 2 วินาที โปรดทราบว่าค่าเฉลี่ยคือ 2.94 วินาทีและช้าที่สุดคือ 5 วินาที

ความเร็วที่เร็วที่สุดของ GoDaddy คือความเร็วที่ช้าที่สุดของโฮสต์ส่วนใหญ่และความเร็วที่ช้าที่สุดนั้นแย่มากจนทำให้ผู้เข้าชมจำนวนมากละทิ้งเว็บไซต์ของคุณ ค่าเฉลี่ยนั้นค่อนข้างแย่มากเช่นกัน เนื่องจากสองในสามของผู้เยี่ยมชมของคุณมักจะกลับมาที่ Google ทันที

สิ่งที่น่าตลกไปกว่านั้นคือ ทีมงานของ GoDaddy บอกว่าเวลา 2.2 วินาที คือความเร็วสูงสุดที่บริการนี้สามารถทำได้ นี่ถือว่าเป็นการสารภาพออกมาตรง ๆ เลยนะ

โฮสติ้ง WordPress ของ GoDaddy

ความเร็วการโหลดหน้าเว็บสูงสุดที่ 1.1 วินาทีนั้นถือว่าพอใช้ได้ แต่โชคไม่ดีที่มันไม่สม่ำเสมอ ความเร็วในการโหลดหน้าของเว็บไซต์ที่เราทดสอบมีความผันผวนอย่างมาก แม้ว่าค่าเฉลี่ยจะต่ำกว่า 2 วินาที บางครั้งก็ใช้เวลามากถึง 3.2 วินาที นี่มันอาจทำให้ผู้เข้าชมกลับออกไปที่ Google ได้เลย เราคาดหวังว่าบริการจะทำได้ดีกว่านี้เสียอีก!

Sucuri

แชร์โฮสติ้งมาตรฐาน

เมื่อเวลาโหลดทั่วโลกเฉลี่ยที่เร็วที่สุด (3.833 วินาที) เกือบจะช้าเท่ากับเวลาโหลดที่ช้าที่สุด (4.504 วินาที) มันมีประสิทธิภาพที่ไม่ดีไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลกก็ตาม ค่าเฉลี่ยเฉลี่ย 4.160 วินาทีนั้นมากกว่าเวลาในการโหลดหน้าเว็บที่แนะนำถึงสองเท่า

ผลลัพธ์เหล่านี้นั้นดูไม่ดีเอาเสียเลยและมันมีบริการอื่น ๆ ที่มีผลลัพธ์ที่ดีกว่า:

โฮสติ้ง WordPress ของ GoDaddy

เราเลือกเซิร์ฟเวอร์ในยุโรปสำหรับการทดสอบเว็บไซต์ ความเร็วการโหลดหน้าสำหรับยุโรปถือว่าทำได้ดี แม้แต่ความเร็วเฉลี่ยทั่วโลกก็เกิน 1 วินาทีเพียงแค่เล็กน้อย มันทำให้เรามีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย… แต่ทำไมถึงใช้เวลาในการโหลดที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกามากถึง 4 วินาที เราเองก็ไม่เข้าใจ!

UptimeRobot

แชร์โฮสติ้งมาตรฐาน

ประสิทธิภาพในการให้บริการมากกว่า 99.974% ในตลอดเวลาสี่เดือน มันไม่ได้แย่เลย แต่ความพร้อมใช้งานลดลงอย่างต่อเนื่องโดยประมาณครั้งละ 3-4 นาทีทุกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ นี่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดี โฮสต์อื่น ๆ ที่เราทดสอบส่วนใหญ่มี downtime แค่ 3-4 ครั้ง แต่มันเกิดขึ้นกับ

GoDaddy หลายสิบครั้ง

โฮสติ้ง WordPress ของ GoDaddy

ถ้าคุณคิดว่าช่วง downtime หลายครั้งในแผนโฮสติ้งแชร์มาตรฐานของ GoDaddy แย่แล้ว มันยังแย่กว่านี้ได้อีก หลังจากเริ่มต้นได้ดีในเรื่องประสิทธิภาพ สิ่งที่เราเห็นเมื่อใช้งาน UptimeRobot เพื่อตรวจสอบ uptime ของเว็บไซต์ในแผน WordPress เราก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น แม้แต่ในแผนแชร์โฮสติ้งมาตรฐาน GoDaddy ก็ทำได้ถึง 99.95%

เว็บไซต์ที่ทดสอบบน WordPress hosting ถูกทดสอบใช้ช่วงเวลาที่สั้นกว่า แต่ในช่วงเกือบสองสัปดาห์ มีช่วง downtime ถึงสี่สิบครั้ง โดยส่วนใหญ่กินเวลา 1-2 นาที แต่มีครั้งหนึ่งกินเวลานานถึง 43 นาที การรับประกัน uptime 99.9% หมดไปกับ downtime แค่ครั้งเดียว!

GoDaddy อ้างว่ามีการรับประกัน uptime 99.9% แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ สิ่งที่คุณจะได้รับเป็นการชดเชยคือเครดิต 5% ของค่าบริการรายเดือน ซึ่งสามารถใช้ได้เฉพาะกับการซื้อบริการเพิ่มเติมจาก GoDaddy เท่านั้น นอกจากนี้ การรับประกันนี้ไม่ครอบคลุมหลายกรณี ตั้งแต่ “การบำรุงรักษาตามกำหนด” จนถึง “สาเหตุที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา” หรือพูดง่าย ๆ ว่าอย่าคาดหวังอะไรมากนัก

จนถึงตอนนี้ทุกอย่างแย่ลง แต่การสนับสนุนเป็นสิ่งที่แย่ลงไปอีก GoDaddy ไม่ใช่บริการเดียวที่ใช้บริการสนับสนุนจากบุคคลที่สามในตำแหน่งต่าง ๆ (แม้แต่บริษัทเว็บโฮสติ้งอย่าง InterSever และ A2 Hostingก็ใช้เหมือนกัน) แต่ทีมงานของ Godaddy มันหายนะชัด ๆ

พวกเขาบอกว่านำเสนอบริการแชทสด (“ที่จัดการโดยผู้เชี่ยวชาญ”) ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ในความเป็นจริงแล้วมันแทบจะไม่สามารถใช้ได้เลยและบางครั้งก็ไม่มีให้บริการเลย ทุกครั้งที่มีตัวแทนอยู่พวกเขาก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้

มันมีการสนับสนุนผ่านโทรศัพท์ แต่ฉันก็ให้คะแนนพวกเขามากกว่านี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว

ทำไมพวกเขาถึงแย่ขนาดนั้น ก่อนอื่นเลยตัวแทนแทบจะไม่รู้ภาษาอังกฤษและดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจวิธีการทำงานของบริษัท พวกเขาไม่รู้ว่ามีบริการอะไรบ้างหรือมีความแตกต่างกันอย่างไร พวกเขาไม่เข้าใจว่าเว็บโฮสติ้งทำงานอย่างไร พวกเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าประสิทธิภาพที่ห่วยแตกนั้นเป็นสิ่งที่ Godaddy ทำได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว

ตัวแทนที่ฉันพูดด้วยทำฉันเสียเวลามากและมักจะตัดการเชื่อมต่อหรือหยุดตอบฉัน เมื่อพวกเขายกเลิกการเชื่อมต่อ คุณจะกลับไปต่อคิวอีกครั้งและไม่มีการบันทึกการพูดคุยในก่อนหน้านี้ คุณต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง แต่คุณจะทำไปเพื่อให้ถูกตัดการเชื่อมต่ออีกครั้งเท่านั้น

ไม่มีวิธีติดตามปัญหาที่กำลังดำเนินอยู่หรือการจัดการกับปัญหาใหญ่ ๆ คุณทำได้แค่นั่งรอเจ้าหน้าที่คนใหม่เท่านั้น

ตัวแทนก่อนการขายโกหกฉันว่าบริการนี้เป็บริการที่ดีเยี่ยม โดยพวกเขาโต้ตอบด้วยการคัดลอกย่อหน้าต่าง ๆ จากกระดาษคำตอบที่เตรียมเอาไว้มาตอบคุณแค่นั้นเอง เธอไม่ได้คัดลอกและวางอย่างถูกต้องซ้ำไป

ฉันพยายามเข้าใจความแตกต่างระหว่างแผนต่าง ๆ แต่เธอไม่รู้ ในตอนแรกเธอกล่าวว่าบางแผนมีใบรับรอง SSL แต่จากนั้นก็บอกว่ามีเพียงแผนระดับสูงสุดเท่านั้นที่มี เธอไม่รู้ว่าแผนใดรองรับ WordPress บ้างหรือทำไมฉันควรเลือกแผนไหน ฉันต้องเสียเวลาเกือบชั่วโมงกับการสนับสนุนที่ไร้ประโยชน์นี้

เมื่อฉันต้องการความช่วยเหลือในการติดตั้ง WordPress ฉันขอการสนับสนุนด้านเทคนิคสำหรับสิ่งนั้น

ตัวแทนตอบกลับมาว่า “ฉันจะช่วยคุณอย่างไรได้บ้าง”

ฉันบอกเขาไปอีกครั้ง “ช่วยฉันติดตั้ง WordPress หน่อยได้ไหม”

ตัวแทนถามถึงปัญหา

ฉันตอบไปอีกครั้งว่าฉันต้องการติดตั้ง WordPress

มันเป็นแบบนี้ต่อไปอีกหลายนาที จนพวกเขาบอกให้ฉันไปใช้ Installatron

จากนั้นฉันก็ขอความช่วยเหลือในการเชื่อมต่อโดเมนของฉันและตัวแทนก็ยืนยันกับฉันหลายครั้งว่ามีการเชื่อมต่อแล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนั้น โดเมนไม่ได้เชื่อมต่ออันเองเสียหน่อยและโดเมนของฉันไม่ได้ลงทะเบียนกับ GoDaddy

ตัวแทนสนับสนุนที่ดีจะทำการทดสอบการเผยแพร่ DNS เพื่อดูว่าโดเมนถูกชี้ไปที่ใด อย่างไรก็ตามตัวแทนฝ่ายสนับสนุนของ GoDaddy แค่โกหกฉัน ตลอดการสนทนาทั้งหมดนี้ ฉันใช้ไปกับการการจ้องหน้าจอโดยไม่ได้รับคำตอบใด ๆ เป็นเวลานานมาก

ถ้าผมพูดแบบรักษาน้ำใจ ทีมงานอาจกำลังแชทอยู่กับลูกค้าอีก 40 คน หรือกินถั่วลิสงอยู่ คุณไม่มีทางรู้ได้เลย

ฉันให้เขาแจ้งรายละเอียด Nameserver เพื่อที่ฉันจะได้เชื่อมต่อโดเมนของฉันและเราก็แยกทางกัน สุดท้ายแล้วมันไม่ใช่ Nameserver ที่ถูกต้องและมันใช้งานไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันต้องจัดการทุกอย่างเองใหม่หมด

เมื่อฉันต้องการขอความช่วยเหลือในการติดตั้งธีมและกำหนดค่า WP ตัวเลือกไลฟ์แชทไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลาประมาณสองถึงสามชั่วโมง ฉันจึงยอมแพ้

เมื่อเราส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการปรับแต่งเว็บไซต์ สิ่งที่ตลกที่สุดก็เกิดขึ้น เราได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่หลายคน คนละสองสามข้อความ ก่อนที่พวกเขาจะตัดการเชื่อมต่อไปดื้อ ๆ เจ้าหน้าที่คนสุดท้ายที่เราได้คุยด้วยแนะนำให้ติดตั้ง WP Smush ซึ่งถือว่าเป็นคำแนะนำที่ไม่เลวเลย

แต่เวลาในการโหลดของฉันยังอยู่ที่ 2.2 วินาที

ฉันถามอย่างถากถางว่านั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ GoDaddy ทำได้หรือไม่ แต่ตัวแทนบอกฉันอย่างมีความสุขว่า “ใช่แล้ว นี่คือสูงสุดที่เราสามารถทำได้!”

เมื่อเจ้าหน้าที่บอกคุณว่าความเร็วที่แย่นั้นคือความเร็วที่ดีที่สุดที่โฮสต์นี้สามารถทำได้ คุณจะมีสิทธิ์อะไรไปตั้งคำถาม

เมื่อเราติดต่อทีมงานเกี่ยวกับปัญหาในเว็บไซต์ที่อยู่ในแผน WordPress Hosting ทีมงานไม่ได้ทำได้ แย่ เท่าไร แต่ประสบการณ์โดยรวมก็ยังไม่น่าประทับใจนัก ทำไมน่ะเหรอ เพราะแม้แต่คำถามง่าย ๆ เรากลับได้รับคำตอบที่ซับซ้อนเกินความจำเป็น เราจะอธิบายให้คุณเห็นภาพมากขึ้น

เมื่อคุณใช้ตัวช่วยติดตั้ง (installation wizard) เพื่อตั้งค่า WordPress คุณจะไม่ได้ตั้งรหัสผ่านด้วยตัวเอง ในแดชบอร์ดบัญชีของคุณมีลิงก์ที่นำคุณไปยังพื้นที่ผู้ดูแลระบบของ WordPress โดยตรง ซึ่งมันสมบูรณ์แบบ แต่หลังจากนั้นเราก็ดำเนินการบางอย่างต่อ (จำไม่ได้ว่าทำอะไร) และจู่ ๆ ลิงก์นั้นก็ใช้งานไม่ได้อีก และเราก็ไม่สามารถเข้าสู่ระบบ WordPress ได้ เราติดต่อฝ่ายสนับสนุนได้อย่างรวดเร็ว (นับว่าเป็นปาฏิหาริย์) แต่ทีมงานกลับให้คำตอบสำหรับการรีเซ็ตรหัสผ่านมาเสียอย่างนั้น

ถ้าคุณเคยใช้ WordPress มาก่อน คุณคงคุ้นเคยกับลิงก์ ‘ลืมรหัสผ่าน’ บนหน้าล็อกอิน ลิงก์นี้ช่วยให้คุณรีเซ็ตรหัสผ่านได้อย่างง่ายดาย แต่กับ GoDaddy เราต้องไปยังฐานข้อมูล ซึ่งรู้สึกว่าเป็นขั้นตอนที่เกินความจำเป็นสำหรับการแก้ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนกับการเผาบ้านตัวเองเพื่อกำจัดสิ่งไม่ต้องการอย่างไงอย่างงั้น! แต่ในระหว่างที่เรากำลังหัวเราะกับความไม่เป็นสาระนี้ ทีมงานก็เข้ามาช่วยอย่างสุภาพและจัดการปัญหาให้ โดยให้รหัสผ่านใหม่ การช่วยเหลือในครั้งนี้ทั้งดีและแปลกไปในคราวเดียวกัน แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการช่วยเหลือที่น่าประทับใจมาก!

ถือว่าคุ้ม แต่ยังมีบริการที่ถูกกว่านี้

GoDaddy มีแผนแชร์โฮสติ้ง 4 แผนและแผน WordPress Hosting 3 แผน: Basic, Deluxe และ Ultimate ยกเว้นแผน Economy แผนแชร์โฮสติ้งอนุญาตให้คุณโฮสต์เว็บไซต์ได้สูงสุดถึง 50 เว็บไซต์ (ขึ้นอยู่กับแผน) ในขณะที่แผน WordPress Hosting ไม่อนุญาตให้มีมากกว่า 1 เว็บไซต์

แผน Basic มีการสำรองข้อมูลรายสัปดาห์ ในขณะที่สองแผนระดับสูงกว่ามีการสำรองข้อมูลรายวัน แผนระดับบนสองแผนยังมี CDN ของ Cloudflare ฟรี ทุกแผนมีแบนด์วิธไม่จำกัด SSL ฟรี โดเมนฟรีสำหรับปีแรก (ซึ่งราคาต่ออายุค่อนข้างสูง) และ WordPress ที่ติดตั้งล่วงหน้า มีเพียงแผนระดับสูงสุดเท่านั้นที่รองรับ WooCommerce

GoDaddy โฆษณาว่าเป็น “WordPress ที่มีการจัดการ” แต่จากประสบการณ์ของ มันคือการ “จัดการครึ่ง ๆ กลาง ๆ” เสียมากกว่า มีบางอย่างที่คุณต้องทำเอง ซึ่งผู้ให้บริการจัดการโฮสติ้งที่อื่น ๆ มักทำให้คุณเสร็จสรรพ

การรับประกันคืนเงินของ GoDaddy ค่อนข้างซับซ้อน คุณมีเวลา 30 วันในการขอเงินคืนหากซื้อแผนรายปี หากคุณเลือกแผนรายเดือน คุณมีเวลาเพียง 48 ชั่วโมง คุณต้องระวังเกี่ยวกับฟีเจอร์ที่ “ฟรีสำหรับปีแรก” เช่น อีเมล Microsoft 365 ซึ่งจะต่ออายุโดยอัตโนมัติเมื่อสิ้นปี โดยมีเพียงอีเมลแจ้งเตือนเพียงฉบับเดียว ถ้าคุณพลาด คุณจะต้องจ่ายราคาของผลิตภัณฑ์เต็มจำนวน

1

ประหยัดสูงสุด 80 % เมื่อซื้อบริการกับ Hostinger!

ข้อเสนอมีเวลาจำกัด - อย่าพลาด!

9168 ผู้ใช้ที่ใช้คูปองนี้

รับข้อเสนอ1

เมื่อเทียบกันแล้ว Hostinger ให้ข้อเสนอที่ดีกว่า ทั้งในเรื่องราคา ฟีเจอร์ และบริการที่เหนือกว่า