การจ้างนักออกแบบเว็บไซต์มืออาชีพอาจมีราคาตั้งแต่ 5 ถึง 10,000 ดอลลาร์สำหรับหนึ่งเว็บไซต์ สุภาษิตที่คนพูดว่า “คุณจะได้ในสิ่งที่คุณจ่ายไป” เป็นแบบนั้นจริง ๆ หรอ
สรุปง่าย ๆ ไม่เสียทีเดียว
ความจริงก็คือ – แม้ว่าบางคนบนอินเทอร์เน็ตจะบอกคุณว่า
มันเป็นไปได้ที่จะสร้างเว็บไซต์ที่ดีและใช้งานได้ดีโดยไม่ต้องควักเงินจนหมดกระเป๋า และคุณยังสามารถทำได้ฟรี หากคุณยินดีที่จะเสียสละฟีเจอร์บางอย่างไปและผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดู
คล้าย กันอย่างมาก
ฉันมั่นใจขนาดนี้ได้อย่างไร ฉันได้สร้างเว็บไซต์จำนวนมากและได้
ตรวจสอบ แผนบริการมากมายสำหรับบทความนี้ เมื่อทำแบบนั้นแล้ว ฉันสามารถบอกคุณได้ว่ามีตัวเลือกมากมายที่มี
ราคาไม่แพงและใช้งานง่าย ที่จะทำให้การเสียเงินหลายพันดอลลาร์ไปกับการออกแบบตามสั่งนั้นกลายเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำตามเอาเสียเลย
เพื่อนำเสนอคำแนะนำที่
เรียบง่ายและโปร่งใสเกี่ยวกับค่าบริการในการสร้างเว็บไซต์ ใน
2025 ให้กับคุณ ฉันได้รวมตัวเลือกและเปรียบเทียบสี่ตัวเลือกที่แตกต่างกัน ตั้งแต่บริการฟรีไปจนถึงบริการที่มีราคาแพง (แต่ก็ยังไม่แพงมาก) คุณสามารถกดข้ามไปได้ หากคุณกำลังมองหาบริการที่เฉพาะเจาะจง:
สำหรับแต่ละวิธี ฉันจะแจกแจงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าวิธีใดเหมาะกับคุณมากที่สุด เอาหล่ะ ตั้งใจอ่านให้ดีเพราะเรามีทางเลือกมากมายให้มานำเสนอให้กับคุณ!
ราคา: ฟรี
เครื่องมือสร้างเว็บไซต์เป็นหนึ่งในวิธีที่ถูกที่สุดในการสร้างเว็บไซต์ และเป็นวิธี
เดียว ที่จะทำได้ฟรี แม้ว่า WordPress.org จะเป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สฟรี แต่ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (เพิ่มเติมจากด้านล่าง)
ดังนั้นหากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์โดยไม่ต้องจ่ายเงิน คุณจะต้องใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่นำเสนอแผน “ฟรีตลอดชีพ”
นั่นคือทั้งหมดที่คุณต้องการในการออกแบบ การโฮสต์และการรักษาความปลอดภัยของคุณ
เครื่องมือสร้างเว็บไซต์เหมาะสำหรับผู้ใช้เริ่มต้นเพราะช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม คุณสามารถคลิก ลาก วางและพิมพ์สิ่งที่คุณต้องการลงไปยังการเว็บไซต์ได้เลย และเครื่องมือสร้างบางอันก็นำเสนอฟีเจอร์ที่ค่อนข้างดีในแผนบริการฟรีของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม
แผนเหล่านี้ยังมีข้อจำกัดบางประการ :
เว็บไซต์ของคุณจะแสดงโฆษณาของเครื่องมือสร้างเว็บไซต์
คุณไม่สามารถใช้โดเมนที่กำหนดเองได้ (ดังนั้นคุณจะต้องใช้ชื่ออย่างเช่น “blogofchampions.wixsite.com”)
คุณจะไม่ได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลและแบนด์วิดท์ที่มากพอ
แผนบริการฟรีของเครื่องสร้างบางอันก็ถือว่าใช้ได้ ในขณะที่บางบริการ… ใช้ไม่ได้เลย หลายบริการปิดกั้นฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ (ซึ่งหมายความว่าคุณไม่สามารถขายของออนไลน์ได้) จำกัดตัวเลือกการปรับแต่งของคุณหรือจำกัดคุณให้ต้องใช้การสนับสนุนลูกค้าขั้นพื้นฐานที่สุด
คุณคงจะไม่เลือกใช้แผนบริการฟรีหากต้องการเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ เนื่องจากข้อจำกัดเหล่านี้ แต่เว็บไซต์จากแผนบริการฟรีสามารถใช้งานได้ดีในหลาย ๆ กรณี
ฉันแนะนำตัวเลือกนี้หาก :
คุณต้องการทดสอบเครื่องมือสร้างเว็บไซต์โดยเฉพาะ
คุณต้องการโฮสต์เว็บไซต์ส่วนตัวขนาดเล็ก
คุณต้องการแสดงผลงานของคุณทางออนไลน์
คุณต้องการสร้างเว็บไซต์เพื่อแบ่งปันภาพถ่ายครอบครัว
คุณกำลังรวบรวม RSVP สำหรับงานแต่งงานของคุณ (หรืองานอื่น ๆ )
หากความต้องการของคุณตรงตามนี้ เราขอแนะนำให้คุณพิจารณาใช้แผนบริการฟรีด้านล่างอย่างละเอียดถี่ถ้วน
1. Wix – แผนฟรี ( และมีประโยชน์ ) ที่น่าดึงดูดที่สุด
แบนเนอร์โฆษณาของ Wix จะติดตามคุณไปในทุกที่ – แต่อย่างน้อยมันก็ไม่น่ารำคาญ
แผนบริการฟรีของ
Wix นั้นใจกว้างอย่างมาก คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของเครื่องมือสร้างนี้ (มีข้อยกเว้นบางประการ เช่น อีคอมเมิร์ซ)
คุณจะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลและแบนด์วิดท์ 500 MB ซึ่งมากเกินพอที่จะสร้างเว็บไซต์เริ่มต้นที่ดีและยังสามารถเข้าถึง
เทมเพลตอีกกว่า 900 แบบที่ออกแบบมาอย่างสวยงามของ Wix ที่คุณสามารถปรับแต่งเนื้อหาตามใจชอบได้โดยใช้เครื่องมือแก้ไขแบบลากและวาง
แผนบริการฟรียังให้คุณสามารถเข้าถึง Wix App Market ซึ่งมีส่วนเสริมหลายร้อยตัวเลือกที่ช่วยขยายฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์ของคุณได้ บางบริการต้องเสียเงิน แต่หลายบริการที่ได้รับความนิยมนั้นสามารถใช้งานได้ฟรี
คุณยังจะได้รับเครื่องมือทางการตลาดในตัวที่แข็งแกร่งอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น Wix Email Marketing ในแผนบริการฟรีให้คุณสามารถส่งอีเมลได้มากถึง 5,000 ฉบับใน 3 แคมเปญต่อเดือน นี่เป็นสิ่งที่ดีหากคุณจัดทำจดหมายข่าวหรืออัปเดตเป็นประจำสำหรับสมาชิกของคุณ
คุณไม่สามารถเชื่อมต่อโดเมนที่กำหนดเองได้และคุณจะมีแบนเนอร์จาก Wix ปรากฎอยู่ที่ด้านบนสุดของเว็บไซต์ของคุณ แต่ถ้าเทียบแต่ละแบรนด์แล้ว โฆษณาของ Wix นั้นถือว่าไม่โจ่งแจ้งมากนัก
2. SITE123 – ดีที่สุดในด้านความเรียบง่าย
แบนเนอร์ของ SITE123 อยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ แต่มันเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด…
SITE123 นั้นใช้งานได้ง่ายกว่า Wix – มันเป็นบริการสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว มากกว่าการใช้ความสร้างสรรค์อย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นบริการนี้จะเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของฉันหากคุณไม่ต้องการเว็บไซต์ที่ซับซ้อนและต้องการออนไลน์อย่างรวดเร็ว จริง ๆ แล้วมันใช้งานได้ง่ายมาก ๆ
และ แผนบริการฟรีของ SITE123 นั้นมีดีในหลาย ๆ ด้าน พื้นที่เก็บข้อมูลและแบนด์วิดท์ 250 MB, เทมเพลต SITE123 ทั้งหมดมากกว่า180+ แบบ, ฟีเจอร์บล็อก, แบบฟอร์มติดต่อและบริจาคและเครื่องมือทางธุรกิจบางอย่าง เช่น ปฏิทินกิจกรรม การจองร้านอาหารและการกำหนดเวลานัดหมาย
แต่ว่า
แผนบริการฟรีจำกัดประเภทการแก้ไขที่คุณทำกับเว็บไซต์ของคุณได้ ตัวเลือกการปรับแต่งขั้นสูงเพิ่มเติม เช่น จานสีแบบกำหนดเอง ฟอนต์และแอปถูกสงวนไว้สำหรับแผนแบบชำระเงิน
ในความคิดของฉันแบนเนอร์ของ SITE123 นั้นโดดเด่นกว่าเล็กน้อย แต่สำหรับเว็บไซต์ส่วนตัวธรรมดา ๆ ฉันคิดว่ามันใช้งานได้ดีพอสมควร
3. WordPress.com – แผนฟรีที่ดีที่สุดสำหรับบล็อก
แบนเนอร์เว็บไซต์ฟรีของ Wordpress.com นั้นดูสะอาดตาและไม่โดดเด่นจนเกินไป
WordPress.com นำเสนอขุมพลังทั้งหมดของ WordPress.org แต่มาในแพ็คเกจโซลูชันที่รวมการ โฮสติ้ง การบำรุงรักษาและความปลอดภัย
เอาไว้ในที่เดียว
ซอฟต์แวร์ที่มีรากฐานมาจากการเขียนบล็อก WordPress.com นั้นเป็น
สิ่งที่ดีที่สุดเมื่อพูดถึงฟีเจอร์บล็อก และโชคดีที่ฟีเจอร์ส่วนใหญ่มีให้ใช้อยู่ใน
แผนฟรี
คุณจะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 3 GB และแบนด์วิดท์ไม่จำกัด ซึ่งทำให้ WordPress.com เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับ
เว็บไซต์ที่เน้นด้านสื่อ ซึ่งมีรูปภาพจำนวนมาก คุณยังได้รับฟีเจอร์พิเศษ เช่น ความปลอดภัย, การสำรองข้อมูลอัตโนมัติ, เครื่องมือ SEO, แกลเลอรี่, สไลด์โชว์และแบบฟอร์มการติดต่อผ่านปลั๊กอิน Jetpack
ข้อเสียก็คือ
แผนบริการฟรีมีข้อจำกัดที่สำคัญบางประการอย่างการที่คุณไม่สามารถเข้าถึงไลบรารีปลั๊กอินของ WordPress ได้ หรือคุณสามารถเข้าถึงแค่คอมมูนิตี้ฟอรัมเพื่อขอความช่วยเหลือและมีตัวเลือก
ธีมฟรี เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ WordPress.com ยังไม่เหมือนกับเครื่องมือสร้างรายอื่น ๆ ตรงที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ที่ค่อนข้างนาน
4. GoDaddy – ฟีเจอร์ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
อีกหนึ่งแผนบริการฟรี อีกหนึ่งแบนเนอร์ แต่ฉันคิดว่ามันโอเคมากเลยทีเดียว!
แต่ฉันขอชี้แจงก่อนนะว่า
GoDaddy นั้นไม่ได้นำเสนอ บริการฟรี ในทุกที่ ในขณะนี้บริการฟรีมีให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและภูมิภาคอื่นๆ ไม่กี่แห่ง แต่ถ้ามีให้บริการในที่ที่คุณอยู่ ก็ถือว่าโชคดีไป
แพ็คเกจแผนฟรีของ GoDaddy
รวมฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายเอาไว้สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงเครื่องมือสร้างที่สนุกและใช้งานง่าย, เครื่องมือสร้างบล็อกและการตลาดขั้นพื้นฐาน, การวิเคราะห์เว็บไซต์และการสนับสนุนลูกค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
GoDaddy ยังให้คุณสามารถกำหนดเวลาการนัดหมายแบบครั้งเดียวและรับการชำระเงินผ่าน PayPal ได้อีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่ดีถ้าคุณดำเนินธุรกิจบริการและต้องการให้ลูกค้าสามารถจองการนัดหมายกับคุณได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ของคุณ
ข้อเสียก็คือ GoDaddy ไม่ได้ให้อิสระในการสร้างสรรค์มากเท่ากับเครื่องมือสร้างรายอื่น และแน่นอนว่าเว็บของคุณจะแสดงแบนเนอร์ของ GoDaddy ที่แสดงอยู่ด้านบนสุดของเว็บไซต์ของคุณ
5. Square Online – เครื่องมือสร้างฟรีที่ดีที่สุดสำหรับอีคอมเมิร์ซ
ถ้าไม่มี URL ของโดเมนย่อย คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่านี่เป็นเว็บไซต์ฟรี เพราะมันไม่มีแบนเนอร์ของเครื่องมือ
Square Online เป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ไม่กี่รายที่นำเสนอฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซที่ใช้งานได้จริง ๆ ใน
แผนบริการฟรี (ขณะนี้มีให้บริการแค่ในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลียและสหราชอาณาจักรเท่านั้น)
ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซของแผนฟรีนั้นใช้งานได้ดีพอสมควร คุณสามารถ
เพิ่มสินค้าได้ไม่จำกัด , การจัดการสินค้าคงคลัง, คูปอง, ความสามารถในการส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังลูกค้า, บัตรของขวัญ, แบบฟอร์มการติดต่อและการรวม Instagram ที่ช่วยให้คุณสามารถทำการขายได้โดยตรงผ่านโซเชียลมีเดีย
ที่ดีไปกว่านั้นก็คือ ไม่มีแบนเนอร์ “นี่คือเว็บไซต์ฟรี” ในเว็บไซต์ – มีเพียงโลโก้ของ Square เล็ก ๆ ในด้านล่างของเว็บไซต์ของคุณ
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่แผน
ฟรี เสียทีเดียว คุณไม่ต้องใช้เงินเพื่อสร้างและเผยแพร่ไซต์ของคุณ
แต่เมื่อคุณทำการขายคุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม 2.9% บวก 30¢ ยังไงก็ต้องลงทุนเพื่อทำธุรกิจอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ
เพื่อลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเหล่านี้ คุณจะต้องอัปเกรดเป็นแผนพรีเมียมระดับสูงสุด (ซึ่งอยู่ที่
$ 72.00 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่เยอะพอสมควร)
ยังไม่แน่ใจว่าแผนบริการฟรีแบบใดที่เหมาะกับความต้องการของ
คุณ มากที่สุดหรือเปล่า ดูการเปรียบเทียบนี้:
ค่าบริการ : $4 – $150 ต่อเดือน
แผนฟรีจะใช้งานได้ดีสำหรับวัตถุประสงค์บางอย่าง
แต่ถ้าคุณต้องการเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง คุณอาจต้องอัปเกรดเป็นแผนชำระเงิน
หรือเพื่อใช้โดเมนที่คุณสามารถกำหนดเองได้ (เพราะ URL อย่าง 9d95jd8d03hg.mywebsite.com จะไม่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของคุณ)
นอกจากนี้คุณควรถามตัวเองด้วยว่าคุณต้องการโฆษณาที่บอกว่าคุณใช้เงินเพียงแค่เล็กน้อยเว็บไซต์ของคุณด้วยหรือไม่ แบนเนอร์ “ฉันสร้างเว็บไซต์ของฉันฟรี” นั้นไม่ได้ช่วยซ่อนความจริงนี้ซักเท่าไหร่! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณสามารถใช้เครื่องมือสร้างระดับพรีเมียมเพื่อ
สร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและใช้งานได้จริงโดยมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจ้างนักออกแบบมืออาชีพ
หากคุณต้องการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจออนไลน์ของคุณ นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณควรคาดหวังเมื่อสร้างเว็บไซต์ด้วยเครื่องมือสร้างแบบพรีเมี่ยม:
เครื่องมือสร้างส่วนใหญ่จะกำหนดราคาแผนระดับเริ่มต้นที่ประมาณ $10 – $15 ต่อเดือน แต่บางบริการอาจไม่เหมือนกัน ดังนั้นฟีเจอร์ที่คุณได้รับจากแผนเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปด้วย
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันได้ทดสอบเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ยอดนิยมบางส่วนอย่างละเอียด โดยเปรียบเทียบแผนการกำหนดราคาและฟีเจอร์ของพวกเขาอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ฉันได้รวบรวมรายชื่อบริการที่ดีที่สุดของฉันไว้ด้วยกัน
หรือหากคุณต้องการเปรียบเทียบตัวเลือกทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
คุณสามารถข้ามไปดูตารางด้านล่างได้เลย
1. Wix – คุ้มค่าที่สุด ( และให้อิสระในการสร้างสรรค์มากที่สุด )
ใครจะต้องการนักออกแบบเว็บไซต์เมื่อมีเทมเพลตที่ดีขนาดนี้
แผนบริการฟรี ของ Wix ให้คุณเข้าถึงไลบรารีเทมเพลตขนาดใหญ่ของเครื่องมือสร้าง, App Market และเครื่องมือแก้ไขที่ให้คุณสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณได้ในทุกด้าน นั่นหมายความว่าคุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพได้ด้วยแผนบริการฟรี
แผน Combo ระดับเริ่มต้นนำเสนอเว็บไซต์ที่ดูดีทั้งจากมือสมัครเล่นและมืออาชีพ (ในราคาประมาณ
$ 17.00 ต่อเดือน) แต่แผนนี้เพียงแค่ลบโฆษณาทั้งหมดและให้คุณใช้ชื่อโดเมนที่กำหนดเองได้ (ฟรีหนึ่งปี)
นอกจากนี้ไม่ว่าคุณจะใช้แผนอะไร Wix App Market ให้อิสระแก่คุณในการ
จ่ายเงินเฉพาะส่วนเสริมที่คุณต้องการเท่านั้น – และอย่างที่ฉันได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่า แอปจำนวนมากนั้นสามารถใช้งานได้ฟรี
อย่างไรก็ตามมีเครื่องมือจำนวนหนึ่งที่คุณสามารถหาซื้อได้ถูกกว่าจากที่อื่น ตัวอย่างเช่น แอป Wix Bookings ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 17 เหรียญต่อเดือน ในขณะที่ GoDaddy, SITE123 หรือ Square Online ก็มีเครื่องมือที่คล้าย ๆ กัน (ใช้งานได้ง่ายกว่า)แต่มีราคาถูกกว่ามาก
และหากคุณต้องการรับการชำระเงินออนไลน์ คุณจะต้องอัปเกรดเป็นแผน Business Basic
แต่แม้ว่าคุณจะเลือกใช้แผน Wix ที่แพงที่สุด
คุณก็ยังได้รับความคุ้มค่ามากมาย มันมีฟีเจอร์มากมายรวมอยู่ในแผนบริการด้วย (โดยเฉพาะเทมเพลตเฉพาะที่สวยงามและเฉพาะเจาะจงสำหรับธุรกิจประเภทต่าง ๆ) คุณจะไม่ผิดหวังกับเครื่องมือสร้างนี้
1 ประหยัดสูงสุด 50 % เมื่อซื้อบริการกับ Wix!
สมัครใช้บริการแผนรายปีและเพลิดเพลินไปกับส่วนลดต่าง ๆ
และรับชื่อโดเมนแบบกำหนดเองฟรีเป็นเวลา 1 ปี!
10728 ผู้ใช้ที่ใช้คูปองนี้
2. Squarespace – ดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์ที่มีรูปภาพมากมาย
เว็บไซต์ Squarespace เหมาะสำหรับนำเสนอรูปภาพที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และกว้าง
ราคาอยู่ที่
$ 16.00 ต่อเดือน แผน Personal ของ Squarespace ให้พื้นที่เก็บข้อมูลและแบนด์วิดท์ไม่จำกัด ซึ่งหมายความว่า
เว็บไซต์ของคุณจะสามารถอัปโหลดรูปภาพหรือวิดีโอจำนวนเท่าใดก็ตามที่คุณต้องการ มีเพียง Hostinger Website Builder เท่านั้นที่นำเสนอฟีเจอร์จำนวนมากในราคาที่น้อยลงและมีเครื่องมือแก้ไขที่ใช้งานได้ง่ายกว่ามาก
Squarespace ขึ้นชื่อใน
ด้านดีไซน์ที่สวยงาม เครื่องมือสร้างนี้จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ที่เน้นภาพ เช่น พอร์ตโฟลิโอหรือบล็อกเกี่ยวกับดีไซน์
เมื่อเทียบกับ Wix แล้ว ตัวเลือกส่วนขยายของ Squarespace สำหรับสิ่งต่าง ๆ อย่างการทำบัญชี, การจัดการสินค้าคงคลังและ SEO ดูเหมือนจะมีข้อจำกัดเล็กน้อยในแผนนี้
แต่ถ้าคุณอัปเกรดเป็นแผนราคาสูงสุดแผนถัดไป (ราคา
$ 23.00 ต่อเดือน) คุณสามารถเข้าถึงตัวเลือกการผสานรวมและบล็อกเนื้อหาระดับพรีเมียม, สามารถใช้อีเมลที่กำหนดเองจาก Google และใช้เครื่องมืออีคอมเมิร์ซได้ ในราคาเพิ่มเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อเดือน
1 ประหยัดมากถึง 36 % จากแผนการใช้งานของ SquareSpace ได้เลยวันนี้!
แถมยังได้โดเมนฟรีไปใช้หนึ่งปีอีกด้วย!
2160 ผู้ใช้ที่ใช้คูปองนี้
3. SITE123 – เหมาะสำหรับการสร้างที่รวดเร็วและง่ายดาย
เทมเพลตของ SITE123 อาจมีหน้าตาเหมือนกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เครื่องมือสร้างเว็บไซต์จำนวนมากพยายามเอาชนะกันในด้านฟีเจอร์, เทมเพลต, ส่วนเสริมและบริการพิเศษ ในทางกลับกัน SITE123 นั้นเน้นใน
การทำให้บริการนั้นเรียบง่ายและนำเสนอฟีเจอร์ที่ผู้คนต้องการจริง ๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันชอบเครื่องมือสร้างนี้ หากฉันแค่เว็บไซต์อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยปราศจากตัวเลือกการปรับแต่งและเครื่องมือเพิ่มเติมต่าง ๆ
ด้วยแผนพรีเมียม (ราคา
$ 12.80 ต่อเดือน) คุณจะได้รับเครื่องมือที่จำเป็นทั้งหมด เช่น ฟรีโดเมนเป็นเวลาหนึ่งปี, ตัวเลือกส่วนเสริมต่าง ๆ (ทั้งแบบฟรีและแบบชำระเงิน) ตัวเลือกเพิ่มเติมต่างๆ เช่น การนัดหมาย, การจองร้านอาหาร, อีเว้นท์, ไลฟ์แชท, การผสานรวมโซเชียลมีเดียและแบบฟอร์มและพื้นที่เก็บข้อมูล 10GB
สรุปแล้ว SITE123 สามารถทำทุกอย่างที่คุณต้องการสำหรับเว็บไซต์ที่เรียบง่ายได้ และถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ แล้วจะจ่ายแพงกว่าไปทำไม
4. GoDaddy – เหมาะสำหรับเครื่องมือทางธุรกิจ
สำหรับเครื่องมือสร้างราคาถูก ฉันคิดว่าดีไซน์เทมเพลตของ GoDaddy นั้นสวยงามอย่างมาก
แผนระดับต่ำสุดของ GoDaddy มีราคาถูกกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่เล็กน้อย ที่
$ 9.99 ต่อเดือน อย่างที่คุณพอจะเดาได้
นั่นหมายถึงข้อจำกัดเพิ่มเติมอีกด้วย ตัวอย่างเช่นคุณสามารถ
เชื่อมต่อ ได้เฉพาะโดเมนที่กำหนดเอง ซึ่งหมายความว่าคุณต้องซื้อมันแยกต่างหาก ไม่เหมือนกับเครื่องมือสร้างรายอื่น ๆ โดเมนนี้ไม่รวมอยู่ในแผนของคุณ
อย่างไรก็ตามแผนนี้
รวมฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจซึ่งคุณไม่สามารถหาได้จากที่อื่นในราคาใกล้เคียงกัน เครื่องมือการนัดหมายที่ช่วยให้ลูกค้ากำหนดเวลาการนัดหมายแบบครั้งเดียวบนไซต์ของคุณ, การผสานรวมโซเชียลมีเดียที่ให้คุณกำหนดเวลาโพสต์ได้โดยตรงจากแดชบอร์ด GoDaddy ของคุณและเครื่องมือการตลาดผ่านอีเมลที่ให้การส่งอีเมล์มากถึง 100 ครั้งต่อเดือน
เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นผ่าน คุณจะได้รับอีเมลฟรีมากกว่าด้วย Wix แต่บริการนั้นไม่มีเครื่องมือการนัดหมาย ดังนั้นหากคุณเป็นผู้ให้บริการ GoDaddy อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับคุณ
1 ประหยัดสูงสุดถึง 30 % ในทุกแผนจาก GoDaddy Website Builder !
ข้อเสนอมีเวลาจำกัด - อย่าพลาด!
361 ผู้ใช้ที่ใช้คูปองนี้
5. Hostinger Website Builder – เหมาะสำหรับเว็บที่เรียบง่ายที่มีงบประมาณจำกัด
Hostinger Website Builder เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสร้างสำหรับงบประมาณที่จำกัด มีตัวเลือกเทมเพลตที่ดีอย่างมาก
Hostinger Website Builder ไม่ใช่เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่มีความล้ำหน้าอะไรมากนัก แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่นำเสนอแล้ว
ราคาของมันถือว่าถูกมาก ราคาเพียง
$ 3.49 ต่อเดือน แผน Basic นั้นเหมาะสำหรับเว็บไซต์เริ่มต้นได้และในราคาเพิ่มขึ้นเพียง 1 ดอลลาร์แผน Unleashed จะมอบทุกสิ่งที่คุณจำเป็นตัวใช้
เพื่อสร้างเว็บไซต์พื้นฐาน ให้
แน่นอนว่าราคาเหล่านี้เป็นราคาส่วนลด “ ที่มีเวลาจำกัด ” ของ Hostinger Website Builder ซึ่งออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน มันมีอายุการใช้งานเพียงสี่ปี จากนั้นจะเปลี่ยนไปใช้ราคาการต่ออายุมาตรฐาน เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น คุณจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า
นอกจากชื่อโดเมนฟรี แบนด์วิดท์และพื้นที่เก็บข้อมูลไม่จำกัดแล้ว คุณยังสามารถรับการชำระเงินผ่าน Stripe (แต่ไม่มีรายการผลิตภัณฑ์ หากต้องการทำเช่นนั้นคุณจะต้องใช้แผนอีคอมเมิร์ซราคา
$ 2.49 ) เพิ่มฟังก์ชันไลฟ์แชทและการผสานรวม Google Analytics และ Facebook Pixel
ในแง่ของส่วนเสริม Hostinger Website Builder ไม่ได้มีบริการมากเท่ากับคู่แข่ง
แต่ถ้าคุณต้องการเว็บไซต์พื้นฐานในราคาเพียงเล็กน้อย เครื่องมือสร้างนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดของคุณ
1 Hostinger Website Builder นำเสนอส่วนลดเหลือเพียง $ 2.69 ต่อเดือน!
รับราคาพิเศษนี้ด้วยโค้ดของเราตอนชำระเงิน - มีเวลาจำกัด!
110 ผู้ใช้ที่ใช้คูปองนี้
6. WordPress.com – เหมาะสำหรับการขยับขยาย
หากคุณไม่ต้องการซื้อธีมพรีเมียม คุณจะมีตัวเลือกน้อยกว่าใน WordPress.com แต่ก็ยังพอมีดีไซน์ที่ดีอยู่บ้าง
WordPress.com เริ่มต้นด้วยแผน Personal (
$ 45.00 ต่อเดือน) ซึ่งมาพร้อมกับโดเมนฟรีสำหรับหนึ่งปี ให้คุณเก็บเงินและให้การสนับสนุนทางอีเมลได้ไม่จำกัด
สิ่งนี้จะดีมากหากคุณต้องการโดเมนแบบกำหนดเองที่ใช้เงินจำนวนไม่มากและต้องการใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์บล็อกที่เหนือกว่าของ WordPress
แต่มันขาดฟีเจอร์ที่สำคัญบางอย่าง เช่น การสำรองข้อมูลเว็บไซต์อัตโนมัติและการเข้าถึงไลบรารีปลั๊กอินขนาดใหญ่ของ WordPress มีให้แผนบริการเฉพาะแผน Business ขึ้นไป ซึ่งมีราคา
$ 25.00 ต่อเดือนขึ้นไป (อย่าลืมว่าคุณสามารถเข้าถึง Wix App Market ได้แม้ในแผน
ฟรี )
ด้วยเหตุผลดังกล่าวฉันขอแนะนำตัวเลือกนี้เฉพาะในกรณีที่คุณต้องการสร้างเว็บไซต์ง่าย ๆ (และเพื่อใช้ทำความเข้าใจวิธีการทำงานของ WordPress) แต่วางแผนที่จะปรับขนาดเว็บไซต์ในภายหลังและต้องการพลังและความยืดหยุ่นที่เหนือชั้นในแผนราคาแพงของ WordPress
คุณสามารถอัปเกรดเมื่อเว็บไซต์ของคุณเติบโตขึ้นและคุณต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติม
และเมื่อคุณเพิ่มปลั๊กอินลงในเว็บไซต์ ก็ไม่มีอะไรที่ WordPress ไม่สามารถทำได้
7. Square Online – ดีที่สุดสำหรับร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก
เครื่องมือสร้าง Square Online นั้นใช้งานได้ง่ายกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถสร้างเว็บไซต์ที่ดูดีได้
ดังที่ฉันได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้
Square Online ให้คุณขายผลิตภัณฑ์บน แผนฟรี คุณจะจ่ายเฉพาะเมื่อคุณทำการขาย คุณอาจสงสัยว่าคุณจะได้อะไรจากการอัปเกรดเป็นแผนชำระเงิน
ข่าวร้ายก็คือค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของ Square ยังคงเท่าเดิมที่ 2.9% + 30 ¢ ดังนั้นหากคุณคิดว่า คุณจะทำยอดขายได้จำนวนมาก นี่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ (คำแนะนำ: ดูเครื่องมือสร้างถัดไปในรายการนี้)
อย่างไรก็ตาม หากคุณเปิดร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กและรูปแบบธุรกิจและฟีเจอร์ของ Square Online ทำงานได้ดีสำหรับคุณ ฉันคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะใช้บริการแบบพรีเมี่ยม แผนชำระเงินจะลบโฆษณาของ Square ออกจากด้านล่างและ URL ของเว็บไซต์ของคุณ
ทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่ได้เป็นแค่ “ งานอดิเรก ” แต่เป็น “ ร้านค้าออนไลน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ” ทันที
สำหรับเครื่องมือเพิ่มเติม เช่น รีวิวจากลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์, ป้ายส่วนลดการจัดส่งและอีเมลรถเข็นที่ถูกทิ้ง คุณอาจต้องการอัปเกรดเป็นแผน Performance ในราคา
$ 26.00 ต่อเดือน
8. Shopify – ดีที่สุดสำหรับการขยายร้านค้า
มีธีม Shopify ฟรีให้เลือกเพียง 9 ธีม ดังนั้นคุณอาจต้องอดทนและบริการแบบพรีเมียม
ในราคา
$ 29.00 ต่อเดือน แผนราคาถูกที่สุดของ Shopify มีราคาแพงกว่า Square Online สองเท่า
จึงเห็นได่ชัดว่าที่เครื่องมือสร้างนี้เน้นบริการสำหรับร้านค้าออนไลน์ขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังเห็นได้จากฟีเจอร์ของ Shopify ว่านอกเหนือจากฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซมาตรฐานแล้ว คุณสามารถตั้งค่าบัญชีพนักงานสองบัญชี,
การขายโดยตรงผ่านตลาดกลางและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ และกำหนดสินค้าคงคลังได้ถึงสี่แห่ง คุณยังได้รับอีเมลกู้คืนรถเข็นที่ถูกละทิ้ง
ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่ำกว่าของ Square Online ที่ 2.2% + 30¢ ต่อธุรกรรม ดังนั้นตัวเลือกนี้อาจถูกกว่าสำหรับคุณแม้ว่าจะค่าบริการรายเดือนที่สูงกว่าก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าการซื้อขายของคุณ
1 ทดลองใช้ Shopify ฟรีเป็นเวลา 3 วัน!
ดูว่าเหมาะสำหรับคุณหรือไม่ - ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
493 ผู้ใช้ที่ใช้คูปองนี้
นี่คือการเปรียบเทียบตัวเลือกบริการต่าง ๆ ในรายการของฉัน
ราคา : $3 – $185 ต่อเดือน
แน่นอนว่า
การใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ไม่ใช่ทางเลือกเดียวของคุณ WordPress.org เป็น CMS (ระบบจัดการเนื้อหา) ยอดนิยมที่คุณสามารถใช้สร้างเว็บไซต์ได้ในราคาประหยัด
คุณอาจเคยได้ยินว่า 40% ของเว็บไซต์ทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตสร้างขึ้นโดยใช้ WordPress นั่นเป็นเพราะตัวเลือกนี้มอบความยืดหยุ่นที่โดดเด่น –
คุณสามารถปรับแต่งเกือบทุกอย่างเกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการปรับแต่งมากหรือน้อย ตัวอย่างเช่นคุณสามารถสร้างอะไรก็ได้ตั้งแต่หน้าพอร์ตโฟลิโอธรรมดา ไปจนถึงเว็บไซต์โซเชี่ยลมีเดียก็ยังได้
แต่ในขณะที่ WordPress นั้นใช้งานได้ฟรี แต่บริการเว็บโฮสติ้งนั้นมีค่าใช้จ่าย ดังนั้นคุณจะต้องคำนึงถึงแผนบริการเว็บโฮสติ้ง ค่าเช่าพื้นที่เว็บเซิร์ฟเวอร์เพื่อจัดเก็บเว็บไซต์ของคุณไว้ด้วย ยิ่งเว็บไซต์ใหญ่ขึ้นเท่าไรก็ยิ่งใช้พื้นที่มากขึ้นเท่านั้นและคุณก็จะใช้เงินได้มากขึ้นเท่านั้น
เคล็ดลับจากมืออาชีพ ผู้เชี่ยวชาญของเราได้พิจารณาต้นทุนของเว็บโฮสติ้งอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว หากคุณกำลังพิจารณาตัวเลือกนี้ คุณควรตรวจสอบการวิเคราะห์เชิงลึกของเราว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าใดใน
การโฮสต์เว็บไซต์ใน 2025
นอกจากนี้คุณจะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการซื้อชื่อโดเมน, SSL certificate, ปลั๊กอินพิเศษอื่น ๆ หากคุณต้องการเพิ่มฟังก์ชันต่าง ๆ ให้กับเว็บไซต์ของคุณและอาจรวมถึงธีมพรีเมียมด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นมือใหม่
เนื่องจาก WordPress นั้นต้องการเวลาเรียนรู้ที่ค่อนข้างมาก และการสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับมือใหม่
นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนเงินที่คาดว่าจะต้องใช้สำหรับเว็บไซต์ WordPress ที่โฮสต์ด้วยตนเอง:
ในทางกลับกันวิธีนี้มีประโยชน์
มากหากคุณยินดีสละเวลาบางส่วนในการเรียนรู้ว่า WordPress ทำงานอย่างไรและจะเพิ่มประสิทธิภาพโฮสติ้งของคุณได้อย่างไร
จากตัวเลือกทั้งหมดในรายการนี้
WordPress มีความสมดุลระหว่างราคา ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขนาดได้ดีที่สุด แม้ว่าจะต้องเรียนรู้การใช้งานด้วยตัวเองมากกว่าบริการอื่น ๆ ก็ตาม
1 ประหยัดสูงสุด 80 % เมื่อซื้อบริการกับ Hostinger!
ข้อเสนอมีเวลาจำกัด - อย่าพลาด!
9266 ผู้ใช้ที่ใช้คูปองนี้
ราคา : จ่ายครั้งเดียว $100 – $1,750 (+$3 – $200 ต่อเดือน )
ก่อนที่คุณจะเลื่อนผ่านโดยคิดว่า “ตัวเลือกนี้ไม่เหมาะกับฉัน” อย่าลืมว่าว่าในขณะที่นักออกแบบบางคนคิดเงินจำนวน
มาก เพื่อสร้างเว็บไซต์ตามความต้องการของลูกค้า
แต่ก็มีตัวเลือกที่เป็นมิตรกับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดเยอะเช่นกัน
หากการสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้นนั้นเป็นปัญหาสำหรับคุณอย่างมาก คุณอาจลองพิจารณา
แพลตฟอร์มฟรีแลนซ์ เช่น Fiverr คุณจะพบนักออกแบบที่มีความสามารถ ซึ่งให้บริการในราคาที่น้อยกว่าที่คุณคิด
ฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่บน Fiverr สามารถสร้างเว็บไซต์บน WordPress ได้ แต่ก็มีฟรีแลนซ์จำนวนมากที่สามารถทำงานบนเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ได้เช่นกัน วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถติดตามการอัปเดตและการบำรุงรักษาได้ง่ายขึ้นหลังจากที่เว็บไซต์ของคุณเผยแพร่แล้ว
ในราคาอีกระดับอย่าง
sociolus สามารถสร้างเว็บไซต์ที่
ไม่เหมือนใคร , ตอบสนองได้อย่างเต็มที่และปรับ SEO ให้เหมาะสม ในเวลาเพียงหกวันในราคา $950 ด้วยคะแนนระดับ 5 ดาวและรีวิวมากกว่า 100 ครั้ง sociolus เป็นผู้ขายระดับ 2 บน Fiverr และได้รับการตรวจสอบโดยเว็บไซต์แล้ว เพียงเพิ่มค่าใช้จ่ายเล็กน้อยคุณสามารถเพิ่มเว็บไวต์ได้ถึง 10 หน้า, ติดตั้งปลั๊กอินได้ถึง 10 ตัวและเพิ่มฟังก์ชันอีคอมเมิร์ซได้
Sociolus เป็นหนึ่งในฟรีแลนซ์ที่มีราคาแพงใน Fiverr แต่คะแนนระดับห้าดาวนั้นสามารถอธิบายทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
หากคุณยินดีที่จะเลือกฟรีแลนซ์ใน Fiverr ที่มีเรตติ้งน้อยกว่า (พวกเขาอาจเพิ่งเริ่มให้บริการบนแพลตฟอร์ม) คุณจะพบตัวเลือกที่ถูกกว่า
ตัวอย่างเช่น
Taibacreation ที่มีรีวิวน้อยกว่า แต่เขายังคงเป็นผู้ขายระดับ 2 (หมายความว่าเขาได้ทำงานกับ Fiverr มากกว่า 50 ครั้ง) และสามารถ
สร้างเว็บไซต์ที่ตอบสนองพร้อมติดตั้งปลั๊กอินในราคาเพียง $100 ทั้งหมดนี้ภายในสามวัน!
Taibacreation ใช้เวลาในการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละรายก่อนที่เขาจะเริ่มทำงานบนเว็บไซต์ของพวกเขา
หากคุณตัดสินใจที่จะจ้างนักออกแบบเว็บไซต์ นี่คือรายละเอียดของสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึง คุณต้องการเว็บไซต์บน WordPress.org หรือเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ คุณยังคงต้องคำนึงถึงต้นทุน เช่น การโฮสต์หรือค่าบริการอื่นๆ:
คำตอบคือ: คุณต้องการใช้จ่ายเท่าไร
ไม่ว่างบประมาณของคุณจะเป็นอย่างไรและแผนสำหรับเว็บไซต์ของคุณจะเป็นอย่างไร
มีตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคุณเสมอ
ในขณะที่ใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์อาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้น – และเป็นวิธี
เดียว ที่จะทำได้ฟรี
WordPress.org ให้ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขนาดที่มากขึ้น ถ้าคุณไม่รังเกียจที่จะใช้เรียนรู้การใช้งานด้วยตนเอง และหากคุณเลือกใช้โฮสต์ราคาไม่แพงอย่าง
Hostinger คุณก็จะประหยัดเงินได้หลายบาทเช่นกัน
หากคุณไม่แน่ใจว่าต้องการใช้เงินกับเว็บไซต์ของคุณดีหรือเปล่า ฉันขอแนะนำแผนบริการฟรีของ Wix บริการนำเสนอฟีเจอร์เยอะแยะมากมาย คุณสามารถทดลองใช้และดูว่าคุณ
จำเป็น ต้องซื้อบริการหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากต้องการโดเมนที่กำหนดเอง ซึ่งหมายถึงการใช้เงินซื้อมา คุณสามารถหาตัวเลือกที่โฮสต์เองราคาถูกได้ แต่ถ้าคุณต้องการตัวเลือกราคาประหยัด
Hostinger Website Builder นำเสนอแผนราคาประหยัดจำนวนมากสำหรับเว็บไซต์ง่าย ๆ
สำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการฟีเจอร์มากกว่าที่ Hostinger Website Builder สามารถนำเสนอได้
ฉันเลือกใช้ แผน Wix Combo หรือ แผน Personal ของ Squarespace ทั้งสองบริการนำเสนอส่วนเสริมที่เพียงพอแก่คุณในการสร้างเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชั่นต่าง ๆ มากมาย
หากคุณต้องการขายสินค้าออนไลน์ เว็บไซต์ WordPress.org ที่โฮสต์เองอาจเป็นวิธีที่ประหยัดงบมากที่สุด แต่คุณต้องมีความรู้ด้านเทคนิคบ้าง
มันอาจเป็นเรื่องยากหากคุณไม่มีความรู้ในด้านนี้
ฉันขอแนะนำ Square Online สำหรับร้านค้าขนาดเล็กที่มีผลิตภัณฑ์เพียงไม่กี่รายการ และสำหรับร้านค้าขนาดใหญ่
Shopify นั้นเหนือกว่าในด้านฟีเจอร์
และสุดท้ายคุณยังสามารถ จ้างฟรีแลนซ์บน Fiverr เพื่อออกแบบเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชันอีคอมเมิร์ซสำหรับคุณ ฉันคิดว่าตัวเลือกนี้เหมาะสมที่สุดหากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์เพื่อสร้างรายได้โดยเฉพาะ สำหรับคนอื่น ๆ การลงทุนเวลาและเงินนั้นอาจไม่คุ้มค่า
คุณพูดว่าอะไรนะ สรุปบทความทั้งหมดนี้ในตารางงั้นหรอ เราดีใจที่คุณถามแบบนั้น นี่คือการเปรียบเทียบตัวเลือกแบบมีค่าใช้จ่ายในแบบต่าง ๆ:
คำถามที่พบบ่อย
การสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจขนาดเล็กมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงว่าคุณใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์หรือโฮสต์เว็บไซต์ WordPress ด้วยตนเองหรือไม่ หากคุณจ้างนักออกแบบ คุณต้องการฟังก์ชันประเภทใดสำหรับเว็บไซต์พื้นฐาน คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ของคุณกับเครื่องมือสร้างเว็บได้ระหว่าง $3 ถึง $30 ต่อเดือน ในขณะที่การโฮสต์ด้วยตนเองนั้นมีค่าใช้จ่ายระหว่าง $1 ถึง $70 ต่อเดือน (คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของการโฮสต์ได้ใน คู่มือโดยละเอียด ของเรา)
คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ฟรีหรือไม่
แน่นอน! คุณสามารถสร้างไซต์ที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยการใช้แผนบริการฟรีจากเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อย่าง Wix , SITE123 หรือ WordPress.com อย่างไรก็ตามแผนบริการฟรีมีข้อจำกัดบางประการ เช่น คุณไม่สามารถเชื่อมต่อโดเมนที่กำหนดเองได้, เว็บไซต์ของคุณจะแสดงโฆษณาของเครื่องมือสร้างที่คุณใช้และคุณจะไม่สามารถขายผลิตภัณฑ์ได้ (แต่ยกเว้น Square Online )
ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้จำนวนมากจึงตัดสินใจอัปเกรดเป็นแผนชำระเงิน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้ประโยชน์จากข้อเสนอในหน้าคูปอง ของเรา
การสร้างเว็บไซต์บน Wix มีราคาแพงไหม
คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายบน Wix เนื่องจากบริการนี้มี แผนบริการนี้ ที่ให้คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้มากมายเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่น ๆ บริการแบบพรีเมี่ยมของ Wix นั้นค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยเริ่มต้นที่ประมาณ $ 17.00 ต่อเดือนและคุณจะได้รับฟีเจอร์มากมายสำหรับราคานั้น (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่าน รีวิว Wix เชิงลึก ของเรา)
บริการอาจมีราคาแพงขึ้นเล็กน้อยหากคุณใช้แอปจำนวนมากที่มีการสมัครสมาชิกรายเดือนเพิ่มเติม หากคุณต้องการฟังก์ชันอีคอมเมิร์ซ คุณจะต้องอัปเกรดเป็นแผนราคาแพงกว่า แต่นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่น ๆ
หากต้องการดูว่าเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ได้รับความนิยมสูงสุดให้บริการได้เป็นอย่างไรบ้างในด้านปัจจัยต่าง ๆ ไปจนถึงเรื่องราคา โปรดดูรายการ เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีที่สุดใน 2025
ฉันควรจ่ายค่าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมากน้อยเพียงใด
แม้แต่เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซพื้นฐานที่สุดก็ยังต้องการฟีเจอร์มที่มากกว่าเว็บไซต์ปกติ เช่น รายการผลิตภัณฑ์, ตัวเลือกการชำระเงินออนไลน์และตะกร้าสินค้า เป็นต้น แผนอีคอมเมิร์ซมักจะมีราคาแพงกว่าเล็กน้อย โดยเริ่มต้นที่ประมาณ $20 ต่อเดือน
Square Online ให้คุณ ทำการขายออนไลน์ได้ฟรี านค้าออนไลน์ที่คุณต้องการสร้าง เราขอแนะนำให้คุณแต่คุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมสำหรับการขายใด ๆ ที่คุณทำได้ ยิ่งเครื่องมือสร้างเว็บอีคอมเมิร์ซราคาถูกเท่าไหร่ บริการก็ยิ่งมีข้อจำกัดมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นคุณควรชั่งน้ำหนักยอดขายที่คุณคาดหวังและฟีเจอร์ที่คุณต้องการกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเว็บไซต์ของคุณให้ดี
เว็บไซต์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูง ยิ่งต้องมีฟีเจอร์ขั้นสูงมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยและมันมีราคาสูงกว่าอย่างแน่นอน หากนี่คือร้านค้าออนไลน์ที่คุณต้องการสร้าง เราขอแนะนำให้คุณพิจารณาShopify หรือ BigCommerce
การจ้างคนเพื่อสร้างเว็บไซต์มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
การจ้างฟรีแลนซ์เพื่อสร้างเว็บไซต์นั้นเคยเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างเยอะ แต่ในทุกวันนี้ คุณสามารถหาฟรีแลนซ์ที่มีความสามารถในการสร้างเว็บไซต์ด้วยเงินที่ค่าจ้างที่น้อยกว่ามาก ฟรีแลนซ์บน Fiverr สามารถสร้างเว็บไซต์ที่กำหนดเองสำหรับทั้ง WordPress และเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อย่าง Wix และ Square Online ในราคาเพียง $100 ได้