พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและข้อตกลงเชิงพาณิชย์ของเรากับผู้ให้บริการด้วย หน้านี้มีลิงก์ affiliate การเปิดเผยข้อมูลการโฆษณา
  1. Website Planet
  2. >
  3. บล็อก
  4. >
  5. ขายของออนไลน์ ต้องทำอย่างไร ในปี 2024

ขายของออนไลน์ ต้องทำอย่างไร ในปี 2024

ดอว์น พรีเวท ถูกเขียนขึ้นโดย:
06 กันยายน 2024
เมื่อพูดถึงวิธีขายสินค้าออนไลน์แล้ว แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใช่ จะช่วยสร้างความแตกต่างได้ชัดเจนระหว่างความสำเร็จกับความล้มเหลว

แน่นอนว่าการเลือกใช้ marketplace ที่ถูกสร้างไว้บนเว็บไซต์โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, TikTok หรือ Instagram นั้นจะง่ายกว่า (และถูกกว่า) แต่นั่นอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดก็ได้ แพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยคุณได้ไม่เต็มที่ เพราะว่ามันขาดฟีเจอร์และเครื่องมือที่จะช่วยสร้างธุรกิจที่ทำกำไรได้

สิ่งที่คุณควรจะใช้เพื่อให้ประสบความสำเร็จก็คือเว็บไซต์ของคุณเอง และเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ไม่ต้องเขียนโค้ดอย่าง Shopify ก็จะช่วยคุณได้ ด้วยเทมเพลตร้านที่ถูกออกแบบมาให้เลือกมากมาย รวมถึงโปรแกรมแบบลากวางที่ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่ ทำให้การสร้างเว็บไซต์ที่ดูไม่เหมือนใครและเป็นมืออาชีพนั้นกลายเป็นเรื่องง่าย ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ถนัดด้านงานเทคนิคหรือการออกแบบก็ตาม

นอกจากที่คุณจะมีเครื่องมือครบครันสำหรับออกแบบร้านค้าที่ดูน่าดึงดูดเพื่อเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้กลายมาเป็นลูกค้าแล้ว คุณก็ยังจะได้รับเครื่องมือสำหรับการตลาดและการทำธุรกิจเพื่อดึงดูดลูกค้ารายใหม่ และทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอีกด้วย

หากเรื่องราคานั้นเป็นเรื่องที่ทำให้คุณกังวล Shopify ก็มีแพลนราคาประหยัดสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ของคุณ ทดลองตลาด และค่อยอัปเกรดเมื่อคุณพร้อมแล้วได้ จนกว่าจะถึงตอนนั้น คุณยังสามารถเข้าถึงเครื่องมือธุรกิจบนเว็บได้อย่างเต็มรูปแบบและฟรีอีกด้วย

อ่านต่อไปเลยหากคุณสนใจที่จะเรียนรู้ว่าการสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของตัวเองนั้นง่ายขนาดไหน และก็เริ่มโปรโมทและขายสินค้าออนไลน์ได้เลย

เป็นมือใหม่ด้านอีคอมเมิร์ซใช่ไหม? นี่คือวิธีการเริ่มต้น

ขั้นแรกของการเริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่จะประสบความสำเร็จก็คือการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการจะขาย บางทีคุณอาจจะมีสินค้าที่คุณเป็นคนสร้างเองอยู่แล้ว หรือคุณอาจจะมีของที่เจาะกลุ่มลูกค้าแบบ niche ซึ่งคุณเองก็มีความชื่นชอบในด้านนั้น ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ให้ลองเริ่มคิดดูว่าคุณจะแปลงความชื่นชอบหรือผลงานของคุณไปเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร

ในอีกด้านหนึ่ง ถ้าคุณยังไม่มั่นใจว่าคุณอยากจะขายอะไร คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการค้นคว้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่กำลังอินเทรนด์หรือได้รับความนิยมซึ่งมีศักยภาพที่จะเติบโตในระยะยาวได้ หรือได้แสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถอยู่ได้นานจริง เริ่มต้นด้วยการใช้เครื่องมือฟรีอย่าง Google Trends และเปิดดูตามเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย และสินค้าที่ “ขายดีที่สุด” และ “ต้องการซื้อมากที่สุด” บน marketplace อย่าง Amazon

หลังจากที่คุณชัดเจนแล้วเรื่องที่ว่าจะขายอะไร ก็เริ่มขั้นตอนถัดไปกันได้เลย: ระบุกลุ่มเป้าหมายลูกค้า และสิ่งที่ทำให้แบรนด์ของคุณมีความแตกต่าง ผลิตภัณฑ์ของคุณสามารถแก้ปัญหาที่ลูกค้ามีได้หรือไม่/ คุณได้ระบุ niche ย่อยและจุดเด่นทางการตลาดที่มีความแตกต่างและทำให้คุณโดดเด่นกว่าคู่แข่งแล้วหรือยัง?

Allbirds Shopify store
niche ที่ไม่เหมือนใครพร้อมจุดขายที่แตกต่างทำให้ร้านที่ประสบความสำเร็จบน Shopify เหล่านี้เจริญเติบโตได้
นั่นคือสิ่งที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Allbirds ทำตอนที่พวกเขาเปิดร้าน Shopify ด้วยผลิตภัณฑ์ตัวเดียว – รองเท้าซึ่งทำจากขนสัตว์ประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งเลือกมาจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน

และก็ยังเป็นวิธีการที่ Juicy Chemistry สร้างธุรกิจความงามด้วย พวกเขาพัฒนาไลน์สินค้าที่ตอบโจทย์ปัญหาการดูแลผิวหนัง และอาศัยเรื่องที่ว่ามีความต้องการผลิตภัณฑ์ความงามแบบออร์แกนิค Shopify นั้นมีความอเนกประสงค์ทำให้พวกเขาสามารถเริ่มต้นอย่างเล็ก ๆ ด้วยการขายเฉพาะในอินเดีย ก่อนที่จะเปิดตัวทั่วโลกหลังจากที่ธุรกิจเติบโต

หลังจากที่คุณเลือก niche และระบุกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่ทำแผนธุรกิจ แผนธุรกิจของคุณควรจะประกอบไปด้วยการวิเคราะห์คู่แข่ง เป้าหมายภารกิจ งบประมาณ และกลยุทธ์การตลาด ขอให้จำเอาไว้ว่าแผนธุรกิจนั้นเป็นเอกสารที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ และคุณก็จะต้องกลับมาอัปเดตมันหลังจากที่ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้นแล้ว

เลือกแพลตฟอร์มที่ใช่สำหรับขายผลิตภัณฑ์ของคุณ

ยังไม่มั่นใจใช่ไหมว่าคุณจะขายแค่บนโซเชียลมีเดียหรือบน marketplace บุคคลที่สามอย่าง Amazon ดี? นี่เป็นเรื่องที่คุณควรจะต้องพิจารณา: เวลาที่คุณเลือกใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์อย่าง Shopify คุณจะได้ร้านที่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบซึ่งจะเป็นหน้าตาของแบรนด์คุณ และมาพร้อมกับเครื่องมือสำหรับทำธุรกิจ

มันไม่ใช่เรื่องยากหรือมีค่าใช้จ่ายสูง ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยสร้างเว็บไซต์มาก่อน Shopify ก็มีเทมเพลตร้านค้าที่ถูกออกแบบมาอย่างดี มีโปรแกรมที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน และก็มีคู่มือติดตั้งที่ช่วยเหลือได้ ทำให้คุณสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ที่เป็นมิตรต่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อย่างง่ายดาย

Browse free Shopify themes from your dashboard
Shopify นั้นมีธีมฟรีสำหรับ niche ผลิตภัณฑ์ยอดนิยม – สไตล์ที่แตกต่าง แต่ฟีเจอร์ดีเหมือนกัน
และคุณก็ไม่ต้องล้มเลิกการขายบนโซเชียลหรือ marketplace ด้วย Shopify จะรวมและซิงค์ ช่องทางการขายทั้งหมด ทำให้การบริหารจัดการนั้นเป็นเรื่องง่าย พร้อมทั้งรักษาการส่งข้อความที่มีความเสถียร และจะทำให้คุณมีเวลาว่างไปใส่ใจในเรื่องที่สำคัญจริง ๆ – การดึงดูดและรักษาลูกค้า ที่ดีกว่านี้ Shopify จะสร้างแดชบอร์ดสำหรับแต่ละช่องทางการขายที่คุณเพิ่ม ดังนั้นคุณจะสามารถดูรายงานยอดขายและทราฟฟิคได้ตรงจากหน้าแดชบอร์ด

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024
Shopify นั้นมีตัวเลือกให้คุณเพิ่มช่องทางโซเชียลไปยังหน้าร้านของคุณ ซึ่งรวมถึง Facebook, Instagram และ Amazon
ยิ่งไปกว่านั้น Shopify นั้นยังมีฟีเจอร์และเครื่องมือขั้นสูงที่จะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้รอบด้าน: แจ้งเตือนลูกค้าอัตโนมัติ อีเมลการตลาด รายงานการวิเคราะห์ขั้นสูง และการติดตามคงคลังจากทุกช่องทางการขาย การประหยัดเงินที่เห็นได้ชัดเจนจากการชำระเงินที่ฟรีค่าธรรมเนียม และการลดราคาจากค่าส่ง 77% ถึง 88%

หากคุณพึ่งจะเริ่มต้นขาย และอยากที่จะประหยัดค่าใช้จ่าย Shopify มีวิธีการมากมายในการจัดหาผลิตภัณฑ์ให้คุณโดยไม่ต้องลงทุนตุนสินค้า เพียงแค่เพิ่มบริการ ปริ้นท์ออนดีมาน หรือ ดรอปชิปขายส่ง จาก app store คุณก็พร้อมเริ่มขายได้เลย

เป็นเรื่องดีมากที่ได้รู้ว่า Shopify นั้นมีให้ทดลองใช้ฟรี 3 วัน ดังนั้นคุณสามารถลองใช้งานแพลตฟอร์มเพื่อดูว่ามันเหมาะกับคุณไหมได้ ถ้ามันดูเหมือนจะเหมาะกับคุณ คุณก็สามารถเริ่มต้นด้วยแพลนเริ่มต้นในราคา $29.00 ต่อเดือน แล้วค่อยอัปเกรดเมื่อธุรกิจของคุณเติบโตแล้ว

เพื่อแสดงให้เห็นว่าการเริ่มต้นขายของกับ Shopify นั้นง่ายขนาดไหน เราจะมาดูกระบวนการออกแบบร้านที่ดูน่าอัศจรรย์ไปพร้อม ๆ กัน

เลือกชื่อสำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณ

เมื่อพูดถึงการเลือกชื่อที่เหมาะสมแล้ว ให้คิดถึงชื่อที่มีความชัดเจน ติดปาก และง่ายต่อการจดจำ ให้ดีที่สุด ชื่อที่คุณเลือกสำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณนั้นควรจะบอกผู้คนและ search engine ได้ถึงความเป็นตัวตนเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ อย่างเช่นคำว่า “juicy” ของ Juicy Chemistry อันยอดนิยมจะช่วยกระตุ้นให้เห็นถึงวัตถุดิบออร์แกนิคที่ดีต่อสุขภาพในผลิตภัณฑ์เสริมความงามของพวกเขา

หากคุณยังคิดชื่อที่เข้ากับผลิตภัณฑ์ไม่ออก Shopify ก็พร้อมจะช่วยคุณ – เครื่องมือสร้างชื่อธุรกิจนั้นสามารถช่วยคุณได้

การเลือกชื่อโดเมนที่เหมาะสมสำหรับเว็บไซต์ของคุณก็สำคัญไม่แพ้กัน นี่คือ URL หรือที่อยู่เว็บไซต์ซึ่งลูกค้าจะพิมพ์ลงในเบราว์เซอร์เพื่อเข้าถึงร้านของคุณ ชื่อโดเมนที่ดีควรจะตรงกับชื่อร้านของคุณ แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ คุณก็สามารถใช้ชื่อร้านของคุณผสมกับคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องได้ เช่นเคย Shopify นั้นจะมีเครื่องมือฟรีที่มีประโยชน์สำหรับทำให้งานของคุณง่ายขึ้นเครื่องมือสร้างชื่อโดเมน.

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024 (1)
เครื่องมือสร้างชื่อโดเมนของ Shopify นั้นจะมาพร้อมกับตัวเลือกมากมาย
Shopify จะทำการสร้างโดเมนย่อยให้ฟรีอย่างอัตโนมัติเมื่อคุณสมัครใช้งาน อย่างเช่นที่เราได้รับมา – “designfortheplanet.myshopify.com.” อย่างไรก็ตาม การซื้อโดเมนที่ปรับแต่งชื่อเฉพาะจาก Shopify หรือผู้ให้บริการรายอื่นนั้นก็คุ้มค่าใช้จ่ายที่เสียไป การมีชื่อโดเมนดีนั้นจะทำให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์ของคุณเจอได้ง่ายกว่า และจะช่วยสร้างแบรนด์ และสามารถทำให้อันดับการค้นหาบน search engine ดีขึ้นได้

ปรับแต่งร้าน Shopify ของคุณ

หากคุณยังไม่ได้เลือกธีมตอนที่คุณสร้างบัญชีของคุณ Shopify ก็จะทำการโหลด Dawn (ธีมตั้งต้น 2.0 ฟรี) ให้สำหรับแดชบอร์ดของคุณ แต่ถ้าคุณอยากได้อะไรที่แตกต่างล่ะ? มีธีมที่ดูน่าดึงดูดให้คุณเลือกมากมาย

Shopify มีธีมร้านค้าถึง 95+ ธีม ประกอบไปด้วยธีมฟรีถึง 10+ ธีม คุณสามารถกรองธีมได้ด้วยหลายวิธี: ด้วยอุตสาหกรรม, ขนาดแค็ตตาล็อก และฟีเจอร์ (รูปแบบเมนู หัวข้อ มุมมองอย่างเร็ว และอื่น ๆ) คุณสามารถจัดเรียงตามราคาได้ด้วย

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024 (2)
การเลือกธีม Shopify ที่เหมาะกับคุณนั้นเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คุณคิดเอาไว้
หนึ่งในข้อดีของ Shopify ก็คือมันจะไม่ล็อกให้คุณใช้ธีมเดียวในช่วงการทดลองใช้ฟรี 3 วัน คุณสามารถลองเปลี่ยนไปใช้งานได้หลายธีมจนกว่าที่คุณจะเจออันที่เหมาะกับแบรนด์ของคุณ

หลังจากที่คุณเลือกธีมที่เหมาะกับคุณทางด้านศิลป์และฟีเจอร์แล้ว คุณก็สามารถเริ่มตั้งค่ารูป พื้นหลัง สี และข้อความให้เข้ากับแบรนด์ธุรกิจของคุณได้เลย Shopify นั้นจะไม่ได้เปิดให้คุณใช้งานการลากวางอย่างไม่จำกัด ดังนั้นคุณจะไม่สามารถแก้ไขธีมของคุณด้วยการลากวางได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ แต่คุณสามารถเคลื่อนย้ายส่วนประกอบไปรอบ ๆ และปรับแต่งได้พอประมาณเพื่อสร้างร้านที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024 (4)
ปรับแต่งธีม Shopify ให้ดูเหมาะกับคุณ การเพิ่มหน้า ข้อความ และวิดีโอนั้นทำได้ไม่ยาก
ธีม Shopify นั้นไม่ได้มีฟีเจอร์เหมือนกันหมด โชคยังดีตรงที่ ถ้าธีมของคุณไม่ได้มาพร้อมกับ บล็อก หน้าเกี่ยวกับ หรือหน้าติดต่อ คุณก็สามารถเพิ่มมันเข้าไปได้อย่างง่ายดายด้วยการ “Add Page (เพิ่มหน้า)” ในแดชบอร์ด จากนั้นคุณก็สามารถใช้เทมเพลตหน้าอย่างเช่นสำหรับหน้าติดต่อ หรือหน้าคำถามที่พบบ่อย หากคุณใช้ธีมร้านค้าออนไลน์ 2.0 ของ Shopify คุณก็ยังสามารถออกแบบเทมเพลตใหม่ได้ด้วยเช่นสำหรับข้อความรับรอง

หลังจากที่คุณเพิ่มหน้าแล้ว คุณก็สามารถเพิ่มเนื้อหาของคุณเองได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถเพิ่มลิงก์ รูปภาพ และวิดีโอได้บนทุกหน้า

หนึ่งในเรื่องที่เราชื่นชอบเกี่ยวกับ Shopify ก็คือ app store ของมัน ซึ่งมีแอปให้เลือกใช้งานเป็นพัน ๆ สำหรับช่วยเพิ่มฟังก์ชันให้กับร้านของคุณ ยิ่งไปกว่านั้น แอปต่าง ๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่ก็เปิดให้ใช้ได้ฟรี ทำให้คุณสามารถเพิ่มฟีดโซเชียลมีเดีย ออกแบบแคมเปญอีเมล จัดหาผลิตภัณฑ์ โพสต์รีวิว/รูปถ่ายผลิตภัณฑ์ และอีกมากมาย

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024 (5)
Shopify จะแนะนำแอปที่คุณอาจจะอยากเพิ่มใช้งาน – แต่มันก็ยังมีอีกมากมายให้เลือก
สำหรับการจะเพิ่มแอปไปยังร้าน Shopify ของคุณ เพียงแค่ไปที่ “Apps and Sales Channels (แอปและช่องทางการขาย)” ในการตั้งค่าร้านของคุณ จากตรงนี้ให้คลิก “Customize your store (ปรับแต่งร้านค้าของคุณ)” เพื่อเข้าถึง App Store และคุณก็จะสามารถเลือกดูแอปได้ตามหมวดหมู่หรือค้นหาแอปเฉพาะเจาะจงได้ คุณสามารถรีวิวแอปที่ Shopify แนะนำได้ด้วย

วิธีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ของคุณ

หนึ่งในข้อได้เปรียบของการใช้ Shopify ก็คือแพลตฟอร์มนี้จะช่วยคุณตั้งค่าร้านไปตลอดทาง – และนั่นก็รวมถึงการค้นหาผลิตภัณฑ์และเพิ่มมันไปบนร้านของคุณด้วย

ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์แรก เพียงแค่คลิกบน “Add product (เพิ่มผลิตภัณฑ์)” ตรงมุมขวาบนของหน้าแดชบอร์ด Shopify ของคุณ และก็อัปโหลดรูปผลิตภัณฑ์พร้อมกับคำอธิบาย

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024 (6)
คุณสามารถเข้าถึงหน้าผลิตภัณฑ์ของคุณได้ผ่านแดชบอร์ด Shopify ของคุณ
จากนั้นคุณก็สามารถ เพิ่มชื่อผลิตภัณฑ์ รูปภาพ ราคา รูปแบบ และจำนวน ได้ คุณภาพของรูปภาพและคำอธิบายผลิตภัณฑ์นั้นสามารถสร้างความแตกต่างได้ระหว่างที่ลูกค้าซื้อกับไม่ซื้อ สำหรับการเขียนคำอธิบายที่น่าสนใจ เราแนะนำให้เขียนเกินกว่าคำอธิบายเกี่ยวกับฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์ คุณควรจะแสดงให้เห็นถึงข้อดีที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครที่มันจะมอบให้กับลูกค้าได้

ขึ้นกับว่าคุณขายผลิตภัณฑ์รูปแบบไหน คุณอาจจะเพิ่มวิธีการดูแลและอัปโหลดคู่มือการใช้งานผลิตภัณฑ์เพิ่มไปด้วยก็ได้ นี่เป็นเรื่องจำเป็น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณขายสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือสินค้าขนาดเล็ก

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024 (7)
Shopify ทำให้การเพิ่มรูปภาพผลิตภัณฑ์ วิดีโอ และคำอธิบายเป็นเรื่องง่าย
Shopify นั้นยังมีการตั้งค่าที่เป็นประโยชน์ซึ่งจะช่วยให้คุณขายสินค้าเพิ่มได้ ด้วยการแสดงรายการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้พวกเขาเห็น แท็กของมีจำกัดนั้นก็จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้รีบซื้อสินค้าก่อนที่มันจะหมดได้ด้วย

อัปเดตการตั้งค่าร้านค้าและข้อมูลการชำระเงิน

แดชบอร์ด Shopify ของคุณคือจุดที่คุณสามารถใช้เข้าถึงการตั้งค่าเริ่มต้นทั้งหมดของร้านค้า ประกอบไปด้วยช่องทางการขาย ตัวเลือกการชำระเงิน การส่งสินค้า ภาษี และอีกมากมาย เช่นเดียวกับด้านอื่น ๆ ของ Shopify อินเทอร์เฟซตรงนี้ทำให้งานต่าง ๆ เป็นเรื่องง่าย – ถึงแม้คุณจะเป็นมือใหม่ก็ตาม เพียงแค่เลือกดูทีละรายการ คุณสามารถเปลี่ยนกลับได้ในภายหลังเสมอ

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024 (8)
คลิกบนไอคอนที่มุมซ้ายล่างของแดชบอร์ดเพื่อเปิดการตั้งค่าทั้งหมดของร้าน
Shopify นั้นมีเกตเวย์ชำระเงินให้เลือกถึง 100+  (ทั้งผู้ให้บริการในสหรัฐอเมริกาและนานาชาติ) ดังนั้นลูกค้าของคุณจึงสามารถชำระเงินด้วยสกุลเงินที่ต้องการได้ พวกเขายังสามารถเลือกใช้วิธีการชำระเงินได้ถึง 60+ วิธี ประกอบไปด้วยบัตรเครดิต/เดบิตรายใหญ่, กระเป๋าเงินดิจิทัล (Apple Pay, Google Pay, and Samsung Pay), PayPal, Amazon Pay, Meta Pay, โอนเงินธนาคาร – หรือแม้แต่เงินสกุลดิจิทัล!

หากคุณใช้การชำระเงินของ Shopify คุณก็จะไม่ถูกหักค่าธรรมเนียมธุรกรรมบวกเพิ่มไปกับค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตด้วย ตัวเลือกอื่น ๆ ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมประกอบไปด้วย PayPal, Amazon Pay และ Apple Pay

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024 (9)
Shopify มีตัวเลือกการชำระเงินมากมายที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมธุรกรรม
การเพิ่ม Afterpay จะทำให้ลูกค้าของคุณมีเวลาถึง 6 เดือนในการชำระเงิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ คุณยังสามารถให้ตัวเลือกกับผู้ซื้อเพื่อจ่ายเงินด้วยการโอนเงินธนาคาร เช็ค ธนาณัติ หรือเก็บเงินปลายทางได้ด้วย เพื่อทำให้ธุรกรรมของคุณมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น Shopify จะมีการเฝ้าสังเกตและปักธงรายการที่ดูเหมือนจะเป็นการฉ้อโกงเพื่อปกป้องธุรกิจของคุณและลดการขอคืนเงิน

คลิกที่ “Checkout (เช็คเอาท์)” เพื่อปรับแต่งประสบการณ์การซื้อของ และทำให้ร้านของคุณดูเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น เปิดให้ลูกค้าสามารถตั้งค่าบัญชีและเก็บข้อมูลส่วนตัวและวิธีการชำระเงินได้อย่างมีความปลอดภัยด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง “Shop Pay” จะสามารถเพิ่มความคล่องตัวให้การจ่ายเงินและเพิ่มยอดขายได้

“Notifications (การแจ้งเตือน)” คือบริเวณที่คุณจะสามารถเข้าถึงเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพซึ่งจะช่วยให้คุณบริหารจัดการและพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ จากตรงนี้ คุณสามารถปรับแต่งและออกแบบรวมถึงนำส่งอีเมลแจ้งเตือนอัตโนมัติได้ถึง 16 รูปแบบ ประกอบไปด้วย “การต้อนรับ” ลูกค้าใหม่ การยืนยันคำสั่งซื้อ การยื่นข้อเสนอลดราคาให้หน้าจุดจ่ายเงินที่ถูกทิ้ง การจัดส่ง และการคืนเงิน

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024 (10)
คุณสามารถตั้งค่าอีเมลและข้อความอัตโนมัติได้มากมายเพื่อติดต่อหาลูกค้า
หากคุณต้องการที่จะเข้าถึงลูกค้าจากนานาชาติ การตั้งค่าภาษาก็จะมีตัวเลือกให้คุณเพิ่มแอปแปลภาษาเพื่อทำให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมสามารถดูเว็บไซต์ของคุณในภาษาบ้านเกิดของพวกเขาได้ น่าทึ่งมากที่มันมีให้เลือกถึง 135+ ภาษา และก็เช่นเดียวกันถ้าในตอนแรก คุณได้สร้างเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายนานาชาติ และตอนนี้คุณต้องการที่จะหันมาหากลุ่มเป้าหมายในไทย แอปแปลภาษานี่ก็จะช่วยแปลเว็บของคุณไปเป็นภาษาไทยได้

การตั้งค่าอื่น ๆ จะทำให้คุณสามารถปรับแต่งนโยบายร้านค้าของคุณสำหรับการคืนเงิน ความเป็นส่วนตัว และการจัดส่งได้ Shopify จะเพิ่มนโยบายร้านค้าที่ถูกอัปเดตใหม่ และข้อมูลติดต่อไปยังฟุตเตอร์ของธีมคุณโดยอัตโนมัติ หากคุณมีหน้าคำถามที่พบบ่อยซึ่งมีความครอบคลุมแล้วด้วยนั้น ร้านค้าของคุณก็จะดูมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

พรีวิวและเปิดร้าน Shopify ของคุณ

ก่อนที่จะเผยแพร่ร้านของคุณ คุณอาจจะอยากพรีวิวเนื้อหาของมันเพื่อดูระบบนำทาง ลิงก์ จุดจ่ายเงิน และฟังก์ชันอื่น ๆ ก่อน เมื่อคุณทำแบบนี้ พยายามมองดูเว็บไซต์ของคุณในมุมมองของลูกค้าในอนาคต

หนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำการทดสอบร้านของคุณก็คือการเลือกสินค้าและทำการสั่งซื้อ นี่จะทำให้คุณเข้าใจการทำงานของการนำทางบนเว็บไซต์และกระบวนการจ่ายเงินของคุณเอง ลองพิจารณาเรื่องเหล่านี้ดู: สินค้าค้นหาเจอได้ง่ายหรือไม่? วิธีการชำระเงินทั้งหมดนั้นใช้งานได้ถูกต้องหรือไม่? ภาษีถูกคำนวณถูกต้อง และตัวเลือกการจัดส่งถูกแสดงไว้ชัดเจนหรือไม่?

หากคุณยังไม่ได้ทำ คุณก็คงอยากที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่าลิงก์และปุ่มที่คลิกได้นั้นสามารถทำงานได้ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีสินค้าที่เป็นรายการเด่นบนหน้าโฮมเพจของคุณ ให้ลองคลิกดูว่าลิงก์นั้นจะพาไปสู่หน้าหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่

Copy of Copy of How to Sell Products Online & Build a Profitable Business 2024 (3)
ก่อนที่คุณจะกดเผยแพร่ ให้พรีวิวร้านค้าของคุณบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่ก่อน
ในขณะที่ธีม Shopify นั้นเป็นแบบ responsive สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แต่มันก็มีความสำคัญที่คุณจะต้องตรวจสอบว่าร้านของคุณสามารถใช้งานได้ถูกต้องและดูดีบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วย –เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของคุณคงจะเข้ามาที่เว็บไซต์ทางนั้น

หลังจากที่ร้านของคุณผ่านการทดสอบขั้นสุดท้ายนี้แล้ว คุณก็พร้อมที่จะเผยแพร่และโปรโมทร้านของคุณ – และเริ่มรับออเดอร์ได้เลย!

ขายสินค้าบนร้านค้าออนไลน์ของคุณเองเพื่อยกระดับยอดขายของคุณขึ้นไปอีกขั้น

ร้านค้าออนไลน์นั้นสามารถที่จะกลายเป็นธุรกิจทำกำไรได้ แต่เฉพาะถ้าคุณเลือกแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือที่คุณต้องการและจะช่วยให้คุณทำให้ธุรกิจเติบโตได้ น่าเสียดาย ที่หลายเจ้านั้นยังมีบริการที่ไม่ดีพอ

ไม่น่าแปลกใจที่ Shopify นั้นถูกใช้เพื่อสร้างร้านค้าออนไลน์มาแล้วกว่าหนึ่งล้านแห่ง แพลตฟอร์มนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ดีไซน์บิ้วท์อิน การตลาด และเครื่องมือจำเป็นอื่น เพื่อดึงดูดและสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคง – ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงแบบนี้

เพื่อให้ประสบความสำเร็จ คุณจะต้องใช้ประโยชน์จากทุกอย่างที่ Shopify มีให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องมือ SEO ที่แข็งแกร่ง ข้อมูลวิเคราะห์เจาะลึก และรายงานประสิทธิภาพที่มีความครอบคลุม ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ทำให้มันมีความแตกต่างจากคู่แข่ง

คำถามพบบ่อย

Shopify นั้นเหมาะสำหรับขายสินค้าออนไลน์หรือไม่?

Shopify เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ดีที่สุด สำหรับใช้ขายสินค้าได้ทุกชนิด มันมีเครื่องมือจัดการ การตลาด วิเคราะห์ ที่ยอดเยี่ยมสำหรับอีคอมเมิร์ซเพื่อช่วยให้คุณเปิด โปรโมท และทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ แถมคุณจะสามารถเข้าถึงแอปได้เป็นพันซึ่งจะเพิ่มฟีเจอร์ที่จะช่วยคุณจัดหาผลิตภัณฑ์ จัดส่งออเดอร์ และดึงดูดลูกค้า

คุณสามารถขายสินค้าบน Shopify ฟรีได้หรือไม่?

ไม่ได้ แต่ Shopify มีแพลนระดับเริ่มต้นที่มีค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อเดือน และมันก็มาพร้อมกับเครื่องมือทำธุรกิจทั้งหมดของแพลตฟอร์มให้ใช้ได้ฟรี และเครื่องมือประมวลผลการชำระเงินอย่างปลอดภัย มันเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคุณกำลังคิดจะเริ่มธุรกิจใหม่ หรืออยากที่จะประเมินประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ก่อนที่คุณจะสร้างร้านค้าออนไลน์ คุณสามารถอัปเกรดแพลนของคุณได้ตามต้องการเมื่อร้านของคุณเติบโตขึ้น

การออกแบบร้านบน Shopify นั้นง่ายสำหรับมือใหม่หรือไม่?

Shopify ทำให้การเปิดร้านออนไลน์กลายเป็นเรื่องง่าย – ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยสร้างเว็บไซต์มาก่อนเลยก็ตาม คู่มือการตั้งค่าและโปรแกรมที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานนั้นทำให้การปรับแต่งธีมร้าน การเพิ่มสินค้า และการกำหนดค่าวิธีการชำระเงิน และบริการจัดการช่องทางขายและคงคลังกลายเป็นเรื่องง่าย หากคุณต้องการความช่วยเหลือ คุณก็สามารถเข้าถึงวิดีโอสอน คอร์สออนไลน์ และฐานข้อมูลที่มีความครอบคลุมได้ ฝ่ายบริการลูกค้านั้นก็พร้อมให้บริการ 24/7 ผ่านทางอีเมล หรือไลฟ์แชท

คุณสามารถขายของบน Shopify โดยไม่ลงทุนซื้อสินค้าคงคลังได้หรือไม่?

คุณสามารถจับมือกับบริการดรอปชิป และเปิดร้านบน Shopify โดยที่ไม่ต้องซื้อสินค้าคงคลังได้ App Store ของ Shopify นั้นมีแอปให้เลือกเป็นร้อย ๆ สำหรับการทำดรอปชิป ไม่ว่าจะเป็น ปริ้นท์ออนดีมานเหมือนอย่างของ Printful และ Printify ไปจนกระทั่ง marketplace อย่าง Oberlo และ AliExpress ด้วยโมเดลอีคอมเมิร์ซแบบนี้ คุณในฐานะเจ้าของร้านก็เพียงแค่ส่งออเดอร์เหล่านี้ไปยังบริการดรอปชิปที่จะจัดการเรื่องการส่งของแทนคุณ

อ่านบทความนี้
5.0 ได้รับการโหวตให้คะแนนโดย 3 ผู้ใช้
คุณลงคะแนนแล้ว! ย้อนกลับ
ต้องระบุข้อมูลในฟิลด์นี้ Maximal length of comment is equal 80000 chars ความยาวน้อยที่สุดของความคิดเห็นเท่ากับ 10 ตัวอักษร
มีความคิดเห็นอย่างไร
ตอบกลับ
ดูการตอบกลับของ %s
View %s reply
โพสต์ที่เกี่ยวข้อง
แสดงโพสต์ที่เกี่ยวข้องกันเพิ่ม
เราตรวจสอบความคิดเห็นของผู้ใช้ทั้งหมดภายใน 48 ชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่ามาจากผู้ใช้จริงเช่นคุณ เราดีใจที่คุณพบว่าบทความนี้มีประโยชน์ - เราจะขอบคุณถ้าคุณแบ่งปันให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับมัน
Popup final window
แบ่งปันโพสต์บล็อกนี้กับเพื่อนและเพื่อนร่วมงานในตอนนี้:

We check all comments within 48 hours to make sure they're from real users like you. In the meantime, you can share your comment with others to let more people know what you think.

คุณจะได้รับเคล็ดลับและคำแนะนำที่น่าสนใจฬในเชิงลึกเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณและบรรลุเป้าหมายการตลาดดิจิทัลของคุณ!

เราดีใจมากที่คุณ ��อบ

แบ่งปันให้กับเพื่อนของคุณ!

1 1 1

หรือรีวิวพวกเราได้บน 1

2990080
50
5000
55904261